อิหร่านจัดหนัก ศาลสูงสั่งประหาร ชาวอิหร่าน ๔ ราย หลังถูกจับได้เป็นสายลับให้อิสราเอล ท่ามกลางสถานการณ์วุ่นวายในประเทศ อิหร่านถูกเขย่าด้วยความรุนแรงจากการประท้วงลงท้องถนน นับตั้งแต่การเสียชีวิตของมาห์ซา อามินี หญิงชาวอิหร่านวัย ๒๒ ปี เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายนที่ผ่านมา หลังถูกจับกุมในกรุงเตหะราน ฐานสวมผ้าคลุมไม่เหมาะสม ละเมิดกฎการแต่งกายของผู้หญิง จุดประเด็นร้อนประท้วงตำรวจทำเกินกว่าเหตุ แม้ทางการจะนำหลักฐานวิดิโอที่อามินี ล้มลงโดยไม่ได้ถูกทุบตีและเสียชีวิตในเวลาต่อมาก็ไม่มีใครรับฟัง การประท้วงลุกลามเป็นการโค่นรัฐบาลเตหะราน ซึ่งพบว่าเบื้องหลังได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐและอิสราเอล เมื่อจับชาวต่างชาติในที่ชุมนุม และจับสปายของมอสสาดที่แฝงตัวมาด้วย เรื่องนี้อิสราเอลเงียบไม่ตอบโต้ แต่สหรัฐออกหน้าคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่ม และประกาศหนุนกลุ่มประท้วงอย่างเปิดเผย นับเป็นเวลากว่า ๓ เดือนที่เหตุการณ์ยังไม่สงบ
วันที่ ๑ ธ.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวรอยเตอร์และอัลจาซิราห์ รายงานจากกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน โดยอ้างข้อมูลจากสำนักข่าวเมียร์ ซึ่งเป็นสื่อกึ่งทางการของอิหร่าน ว่า ศาลของอิหร่านมีคำพิพากษา เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ให้พลเมืองอิหร่าน ๔ คน รับโทษประหารชีวิต ฐานสมคบคิดกับหน่วยข่าวกรองของ “รัฐไซออนิสต์” ซึ่งหมายถึงอิสราเอล เพื่อก่อการลักพาตัว
ขณะที่จำเลยร่วมอีก ๓ คน รับโทษจำคุกมากน้อยลดหลั่นกันไประหว่าง ๕-๑๐ ปี ฐาน “ก่ออาชญากรรมที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ” การครอบครองอาวุธที่ผิดกฎหมาย และการสมคบคิดกับการลักพาตัวภายใต้การสนับสนุนของต่างชาติ
รายงานระบุว่า “ด้วยคำแนะนำจากหน่วยข่าวกรองไซออนิสต์ เครือข่ายอันธพาลนี้กำลังขโมยและทำลายทรัพย์สินส่วนตัวและสาธารณะ ลักพาตัวผู้คน และรับสารภาพปลอม”
เว็บไซต์ของศาลระบุว่าชายเหล่านี้คือฮุสเซน ออโดคันซาเด (Hossein Ordoukhanzadeh), ชาฮิน อิมานี มะมุดดาบัด(Shahin Imani Mahmoudabad), มิลาด อัขราฟี อัตบาตัน(Milad Ashrafi Atbatan) และ มานูเชอร์ ชาบันดี โบจันดี(Manouchehr Shahbandi Bojandi) โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับภูมิหลังของพวกเขา
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของกระทรวงข่าวกรองและกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (ไออาร์จีซี) สนธิกำลังกันจับกุมกลุ่มผู้กระทำผิดทั้งหมด ด้านอิสราเอลยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเรื่องนี้
เว็บไซต์มิซานออนไลน์ (Mizan Online) ของศาลยุติธรรมอิหร่านยังมีรายงานว่า ทางการได้จับกุมกลุ่มคน ๑๕ คนที่เข้าร่วมการประท้วง มีผู้ถูกตั้งข้อหาอาญา ๑๑ คน“เจตนาสังหารและทุจริตบนโลก” จากการเสียชีวิตของ รูฮอลลาห์ อะจาเมียน (Ruhollah Ajamian) สมาชิกกองกำลังกึ่งทหารบาสิจ(Basij) ทั้ง ๑๕ คนถูกกล่าวหาในคดีทุจริตซึ่งผิดกฎหมายชาริอะห์ของอิสลามด้วย
อัยการกล่าวหาว่า อะจาเมียน วัย ๒๗ ปี ถูกเปลือยกายและถูกสังหารเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในเมืองคาราจ (Karaj) ทางตะวันตกของกรุงเตหะราน โดยกลุ่มผู้สนับสนุนผู้ประท้วง
นายพลชาวอิหร่านกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า มีผู้เสียชีวิตมากกว่า ๓๐๐คนในเหตุความไม่สงบ ซึ่งรวมถึงสมาชิกกองกำลังความมั่นคงหลายสิบคน และอีกหลายพันคนถูกจับกุม ในจำนวนนี้มีชาวต่างชาติประมาณ ๔๐ คน
เตหะรานเปิดโปงอิสราเอลมานานแล้วว่า ปฏิบัติการลับบนแผ่นดินของตนอย่างต่อเนื่อง โดยสาธารณรัฐอิสลามกล่าวหาศัตรูตัวฉกาจของตนว่าเป็นผู้ก่อวินาศกรรมโจมตีแหล่งนิวเคลียร์ และลอบสังหารบุคคลสำคัญ รวมถึงนักวิทยาศาสตร์
และเมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้นำอิหร่านได้กล่าวหาหน่วยข่าวกรองของอิสราเอลและตะวันตกว่า เป็นผู้สนับสนุนหลักและวางแผนทำสงครามกลางเมืองในประเทศ ซึ่งขณะนี้สายลับและกลุ่มคนที่คลั่งไคล้ตะวันตก ได้ถูกจับกุมจากการประท้วงต่อต้านรัฐบาลครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การปฏิวัติอิสลามในปี ๒๕๒๒
ด้านนาโต้ได้ออกมาแอ็คชั่น เตือนสาธารณรัฐอิสลามว่าไม่ควรจัดหาอาวุธและเครื่องกระสุนให้กับมอสโกว์ในการทำสงครามกับยูเครนขณะที่สหภาพยุโรปขานรับคำเรียกร้องของสหรัฐให้คว่ำบาตรอิหร่านเพิ่ม
ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของสมาชิกพันธมิตรกลาโหมในกรุงบูคาเรสต์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เยนส์ สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการ NATO กล่าวว่าอิหร่านจัดหาอาวุธให้รัสเซีย เรื่องนี้อิหร่านแจงว่าได้ขายโดรนให้รัสเซียจำนวนหนึ่งก่อนหน้าการเปิดปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซีย หลังเปิดการสู้รบไม่ได้จัดส่งให้แต่อย่างใด เรื่องนี้ตะวันตกไม่เชื่อและโหมโฆษณาว่าอิหร่านส่งอาวุธสนับสนุนรัสเซียเป็นเรื่องผิด แต่สหรัฐนาโต้ และพันธมิตรส่งอาวุธพร้อมเงินหนุนยูเครนทำสงครามกับรัสเซียอย่างต่อเนื่องทำได้ไม่ผิด
สโตลเดนเบิร์กย้ำว่า “เรากำลังพูดอย่างชัดเจนว่าไม่มีประเทศใดควรสนับสนุนสงครามที่ผิดกฎหมายของรัสเซีย ดังนั้น อิหร่านและประเทศอื่นไม่ควรจัดหาขีปนาวุธ โดรน หรือสิ่งอื่นใดให้กับรัสเซียที่สามารถช่วยพวกเขาทำสงครามรุกรานยูเครนนี้ต่อไปได้”
ประมาณว่าใครเลือกข้างสหรัฐและนาโต้ ทำอะไรไม่ผิดประณีประนอมได้ แต้ใครเลือกข้างรัสเซียไม่ว่าจะทำอะไรก็ผิด นี่คือหลักการที่ตะวันตกอ้างว่าเป็นหลักสากล ความจริงแล้วมันคือหลักการที่เอื้อเฉพาะพวกพ้องของข้ามากกว่า!!??