ท่ามกลางความตึงเครียดในรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังคงไร้วี่แววว่าจะสิ้นสุด เมื่อไม่มีสัญญาณว่าจะมีการพบปะเจรจา นั่นเป็นเพราะฝ่ายตะวันตก นำโดยสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศยุโรปภายใต้องค์การนาโต้ยังจะส่งอาวุธและความช่วยเหลือด้านการเงินให้ยูเครนต่อไป และอย่างที่นานาประเทศรู้ดีคือ สหรัฐฯ จะใช้ยูเครนเป็นตัวแทนในการรบกับรัสเซียจนถึงชาวยูเครนคนสุดท้าย ดังนั้นความพินาศล่มสลาย สิ้นความเป็นชาติของยูเครนเป็นไปได้ ส่วนทางด้านผู้นำรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน มองว่าสงครามจะยืดเยื้อไปอีกหลายปี รัสเซียนั้นมีกำลังไหว แต่ยูเครนจะไหวแค่ไหน คำตอบนี้สหรัฐฯน่าจะรู้ดีที่สุด
ล่าสุดในเพจเฟซบุ๊ก Around the war world รอบโลกสงคราม ได้รายงานโดยระบุข้อความ ถึงสถานการณ์ในยูเครน ว่า หนึ่งในประเทศของสหภาพยุโรปเรียกร้องให้ยูเครนโจมตีรัสเซีย นาโต้ “ไม่ควรกลัว”และปล่อยให้เคียฟโจมตีรัสเซียได้อย่างอิสระ นักการทูตของลัตเวียกล่าว รัฐมนตรีต่างประเทศลัตเวีย Edgars Rinkevics เรียกร้องให้นาโต้ “อนุญาตให้”ยูเครนใช้อาวุธที่จัดหาโดยตะวันตกโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซียในการให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กที่การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของนาโตที่กรุงบูคาเรสต์เมื่อวันอังคาร
“เราควรอนุญาตให้ใช้อาวุธพุ่งเป้าไปที่ไซต์ขีปนาวุธหรือสนามบินจากที่ที่มีการเปิดปฏิบัติการเหล่านั้น” ในขณะที่มอสโกได้เตือนตะวันตกซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่ให้ส่งอาวุธสารพันโดยชี้ว่าพฤติกรรมดังกล่าวอาจส่งผลให้เกิดความขัดแย้งโดยตรงระหว่างพันธมิตรนาโต้ที่นําโดยสหรัฐฯ และรัสเซีย กลุ่ม”ไม่ควรกลัว”บานปลายเขากล่าวว่า
ลัตเวียพร้อมกับรัฐบอลติกอื่น ๆให้การสนับสนุนเคียฟในความขัดแย้งอย่างต่อเนื่อง
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศได้เดินทางไปเคียฟหลายครั้งเพื่อแสดงการสนับสนุน โดยครั้งล่าสุดจะมีขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์เมื่อ Rinkevics พร้อมด้วยเพื่อนร่วมงานของเขาจากลิทัวเนีย เอสโตเนีย ฟินแลนด์ สวีเดน นอร์เวย์ และไอซ์แลนด์ได้พบกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมารัสเซียได้เปิดตัวขีปนาวุธขนาดใหญ่และโดรนฆ่าตัวตายต่อโครงข่ายไฟฟ้าและฐานที่มั่นทางทหารของยูเครน การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากการระเบิดที่ทําให้สะพานเคิร์ชเสียหายซึ่งเชื่อมโยงรัสเซียแผ่นดินใหญ่กับคาบสมุทรไครเมีย มอสโกกล่าวหสว่าเป็นการก่อการร้ายโดยสหราชอาณาจักรและยูเครนแต่ทั้ง 2 ชาติต่างก็ออกมาปฏิเสธการมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ดังกล่าว
อย่างไรก็ตามน่าจับตามองความท้าทายของลัตเวีย ที่อยากยุให้ยูเครนสู้ศึกต่อ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในกลุ่มสหภาพยุโรป ที่ไม่มีใครอยากสู้สงครามต่อไปแล้ว เพราะกลัวจะอดอยากเรื่องพลังงานมากกว่า ที่จะต้องหนุนยูเครนต่อไป