เสริมแกร่ง!! รัสเซียเพิ่มเขี้ยวเล็บ ติดอาวุธนิวเคลียร์ยุทธศาสตร์Tonardo-S-ปืนใหญ่มัลคา จัดรอคเก็ตฟอร์ซฯ ๕ กองพล

0

ปธน.ปูติน มองว่าสงครามตัวแทนยูเครนจะยืดเยื้อไปอีกหลายปี เพราะสหรัฐฯจะใช้ยูเครนเป็นตัวแทนในการรบกับรัสเซียจนถึงชาวยูเครนคนสุดท้าย ดังนั้นความพินาศล่มสลาย สิ้นความเป็นชาติของยูเครนอาจมีความเป็นไปได้

สหรัฐฯ ไม่เคยสนใจว่าทหารและประชาชนยูเครนจะตายมากเท่าไหร่จึงขัดขวางการเจรจาสงบศึก เป้าหมายหลักคือต้องการให้ยูเครนรบจนรัสเซียอ่อนแอด้านกำลังทหาร เศรษฐกิจ สังคม เป้าหมายเดิมคือให้รัสเซียล่มสลาย ประเทศแตกแยก สหรัฐฯและบริวารตะวันตกจะสามารถเข้าไปยึดทรัพยากรธรรมชาติ แร่ธาตุสำคัญที่รัสเซียมีอย่างมหาศาลทั้งน้ำมัน ก๊าซ ทองคำและแร่ธาตุหายากอื่นๆ

หากประเมินสถานการณ์ในขณะนี้ รัสเซียกลับแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน มีพันธมิตรเพิ่มขึ้นทุกวัน ทั้งยังมีรายได้จากการขายก๊าซ น้ำมัน ทองคำให้จีน อินเดียและประเทศ

อื่นๆในซีกโลกตะวันออก ที่ทำให้สหรัฐอ้าปากค้าง แนวรบเศรษฐกิจที่สหรัฐคาดหวังไว้สูงก็ต้องแพ้ยับ เพราะค่าเงินรูเบิลรัสเซียกลับมีเสถียรภาพหลังถูกคว่ำบาตรและขับออกจากระบบการเงินโลกตะวันตก

กระแสข่าวล่าสุด นาโต้ออกคำเตือนยุโรป ให้เตรียมรับผู้อพยพยูเครนเพิ่ม พร้อมให้สัญญาจะป้อนอาวุธ และความช่วยเหลือกู้วิกฤตพลังงานให้ยูเครนจะได้มีแรงสู้กับรัสเซียต่อไป เพราะออกมาพูดย้ำไม่รู้ว่ารอบที่เท่าไหร่ว่า นาโต้ไม่ได้คู่ขัดแย้งรัสเซียแต่ส่งอาวุธลากยุโรปเข้ามาพัวพันอย่างต่อเนื่อง

เจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งของสหรัฐฯเปิดเผยว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ตั้งงบประมาณอีก ๑,๑๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับความช่วยเหลือด้านพลังงานแก่ยูเครน และประเทศมอลโดวาเพื่อนบ้านของยูเครน ถึงกระนั้นก็มีความกังวลกันมากขึ้นว่า อาวุธในคลังแสงของสมาชิกบางชาติของนาโตกำลังร่อยหรอ เนื่องจากการจัดส่งไปช่วยยูเครนก่อนหน้านี้ 

วันที่ ๑ ธ.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และทาซซ์รายงานว่า รัสเซียประกาศเพิ่มงบการใช้จ่ายด้านการทหารและอาวุธ มุ่งเสริมขีดความสามารถด้านอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องในปี๒๕๖๖

เซอร์เกย์ ชอยกู (Sergey Shoigu) รัฐมนตรีกลาโหมเปิดเผยว่า การเพิ่มค่าใช้จ่ายในปี ๒๕๖๖ จะทำให้กองทัพมีความพร้อมรบ รัสเซียกำลังอยู่ในเส้นทางที่จะใช้จ่ายด้านกลาโหมเพิ่มขึ้นเกือบ 50% ในปีหน้ามากกว่าในปีนี้  เขาอธิบายว่าการปรับงบฯเพิ่มจะช่วยรับประกันอัตราความพร้อมรบ ๙๗% สำหรับอาวุธยุทโธปกรณ์และฮาร์ดแวร์ที่เกี่ยวข้อง

ปลายเดือนกันยายน สื่อเวโดมอสติ (Vedomosti) สื่อท้องถิ่นซึ่งอ้างเอกสารของรัฐบาลว่ามอสโกว์ใช้เงิน ไป ๔,๖๗๙ ล้านล้านรูเบิล คิดเป็น ๗๗,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการป้องกันประเทศในปี ๒๕๖๕ ตามการประมาณการของนักข่าวในเวลานั้น ตัวเลขคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในปีหน้าและคาดว่า ประมาณ ๕ ล้านล้านรูเบิล บทความนั้นยังอ้างว่าแนวโน้มขาขึ้นจะดำเนินต่อไปในปี ๒๕๖๗

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ชอยกูกล่าวที่วิทยาลัยของกระทรวงกลาโหม เรียกร้องให้ผู้ผลิตอาวุธรัสเซีย คงกำลังการผลิตสูงสุดไว้ และได้รับประกันว่า “จะมีการส่งมอบล่วงหน้าให้กับกองทัพตามสถานการณ์ที่เป็นจริง”

ชอยกูเสริมว่า “กองทัพให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับระบบปืนใหญ่และระบบขีปนาวุธ เช่นเดียวกับการใช้โดรนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประสานการใช้ร่วมกันของอาวุธ ทั้งทางบกและอากาศในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน”

รัฐมนตรีระบุว่า“ผลจากปฏิบัติการทางทหารพิเศษและการระดมพลบางส่วน ทำให้ความต้องการอาวุธยุทโธปกรณ์เพิ่มขึ้นตามคำสั่งของรัฐ ในทุกระดับของการควบคุมและการปฏิบัติ เป็นความเหมาะสมที่เพิ่มงบฯ” 

ทหารกองหนุนมากกว่า ๓๐๐,๐๐๐ คนได้รับการฝึกอบรมในรัสเซียและเบลารุสในช่วง ๒ เดือนที่ผ่านมา โดยได้รับความช่วยเหลือจากครูฝึก ๓,๐๐๐ คน ปัจจุบันพลรบกว่า ๘,๐๐๐ คนได้เตรียมพร้อมสำหรับการใช้รถถัง ยานรบทหารราบ ระบบปืนใหญ่ การป้องกันภัยทางอากาศ รวมทั้งหน่วยปฏิบัติการโดรนและหน่วยสงครามอิเล็กทรอนิกส์

นอกจากนี้ กองทัพรัสเซียจะมุ่งเสริมขีดความสามารถด้านอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องในปี ๒๕๖๖  ซึ่งประกอบด้วย การเพิ่มการติดตั้งระบบยิงขีปนาวุธพิสัยไกลหลายลำกล้อง หรือทอร์น่าโด-เอส (Tornado-S) ที่มีอานุภาพการทำลายล้างสูงรองจากการใช้อาวุธนิวเคลียร์และปืนใหญ่อัตตาจรมัลคา (Malka) ซึ่งสามารถยิงกระสุนนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีได้ ให้แก่กองกำลังขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ หรือ สตราติจิก ร็อคเก็ต ฟอร์ซ(Strategic Rocket Forces) จำนวน ๕ กองพล รวมถึงจะสร้างฐานปล่อยจรวดให้แก่กองกำลังอวกาศรัสเซียในเขตคราสโนยาร์สค์( Krasnoyarsk เพื่อปกป้องน่านฟ้าและตอบโต้ระบบขีปนาวุธของชาติที่เป็นศัตรู

ปธน. ปูติน เปิดปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครนเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ต้นปีนี้ อ้างถึงความล้มเหลวของเคียฟในการดำเนินการตามข้อตกลงมินสค์ ซึ่งลงนามร่วมกับเยอรมนีและฝรั่งเศส เล็งเห็นความจำเป็นถึงการให้สถานะพิเศษภายในรัฐยูเครนแก่สาธารณรัฐโดเนตสค์และลูฮันสค์ แต่รัฐบาลเคียฟแหกข้อตกลง ทั้งเลือกปฏิบัติต่อชนกลุ่มน้อยที่พูดภาษารัสเซียในยูเครน มีการปราบปรามอย่างโหดร้ายในเขตดอนบาส นับตั้งแต่รัฐประหารไมดานในปี ๒๐๑๔ จนทำให้ไครเมียลงประชามติรวมเข้ากับรัสเซีย นอกจากนี้ การเคลื่อนไหวของนาโต้ที่คืบคลานอยู่รอบๆขอบรั้วบ้านรัสเซียทำให้ต้องตัดสินใจเป็นฝ่ายเปิดเกมก่อนในทึ่สุด 

ทุกวันนี้จะเห็นว่ารัสเซียไม่ได้บุกเข้าสู่ส่วนกลางยูเครน เมื่อเป้าหมายปลดปล่อยดอนบาสบรรลุผล กลับมีอีกสองภูมิภาคเพิ่มเข้ามาคือซาโปริชเชียและเคอร์ซอน แม้จะลงประชามติรวมรัสเซียซึ่งมีผลทางกฎหมายแล้ว ยังคงมีการสู้รบอย่างหนักในพื้นที่แนวหน้าของทั้ง ๔ ภูมิภาคในพื้นที่ที่ยูเครนยังควบคุมอยู่ 

สงครามยังไม่เบ็ดเสร็จ และมีแนวโน้มยืดเยื้อไปอีกนาน ตามการประเมินของปูติ ทำให้วันนี้จึงได้เห็นการเคลื่อนไหวของกองทัพรัสเซียเสริมกำลังรบ และติดอาวุธทางยุทธศาสตร์ขั้นสูง เตรียมพร้อมรับศึกที่อาจไม่จบแค่ฤดูหนาวนี้!!??