จากที่วันนี้ 01 ธันวาคม 2565 Blockdit World Update เผยแพร่ถึงการพัฒนายุทโธปกรณ์ของจีน ซึ่งรุดหน้าก้าวล้ำไปอย่างมาก ขณะที่ชาติตะวันตกต้องล้มเลิกกิจการภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เพราะผลของการคว่ำบาตรรัสเซีย
ทั้งนี้ภาพและเนื้อหาที่ Blockdit World Update นำมาโพสต์เปิดเผยไว้ ระบุจากแหล่งที่มาไว้อย่างน่าชวนติดตามว่า “เทคโนโลยี 3D Printing หรือ เครื่องพิมพ์ 3 มิติ มีใช้กันในวงจำกัดในบริษัทหรือองค์กรขนาดใหญ่ ปัจจุบันใช้กันอย่างแพร่หลายในหลายวงการ
ปี 2019 สหภาพยุโรป รายงานว่า ตลาด 3D printing ทั่วโลกมีมูลค่า 9,550 ล้านยูโร (343,800 ล้านบาท) และคาดว่าจนถึงปี 2024 จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี 15% โดยทาง EU วิเคราะห์ความต้องการเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ ในอนาคตไว้ 4 ด้านใหญ่ คือ การบำรุงรักษาเครื่องจักรและการผลิตชิ้นส่วน , การผลิตชิ้นส่วนที่ซับซ้อน , การผลิตจำนวนมาก , เทคโนโลยีอื่นๆ
ปี 2021 สหภาพยุโรป รายงานศึกษาความเป็นไปได้ของเทคโนโลยีที่จะถูกนำมาใช้งานจริง และมีตลาดรองรับในอนาคต
เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ ในยุโรปยังไม่ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลมากนัก และมีเพียงไม่กี่บริษัทเท่านั้นที่อยู่ระหว่างนำเครื่องพิมพ์ 3 มิติ มาทดสอบเพื่อใช้ในการผลิตเครื่องจักร
ด้วยต้นทุนการผลิต แต่ละเครื่องมีค่าใช้จ่ายสูงทำให้ผู้ผลิต Machine Tools ซื้อชิ้นส่วนจากบริษัทอื่น หรือจ้างบริษัทอื่นผลิตตามสเปคที่ต้องการ การขาดวิสัยทัศน์ทำให้ยุโรปลดการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงนี้
ยุโรป จึงอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการสนับสนุนเทคโนโลยีนี้เพื่อนำไปต่อยอดสู่การใช้งานจริงอย่างแพร่หลายในอนาคต โดยเฉพาะการผลิตชิ้นส่วนสำคัญ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับเครื่องจักรกล
กลุ่มเป้าหมายหลักคือผู้ผลิตชิ้นงานต้นแบบ และผู้ผลิตสินค้าจำนวนมาก และเป็นเครื่องพิมพ์พลาสติกเป็นหลัก เพราะเครื่องพิมพ์ 3 มิติโลหะมีราคาสูง ต้องใช้ต้นทุนค่าใช้จ่ายมหาศาล ยุโรปจึงชลอการพัฒนาด้านนี้
แต่ช่วงหลังมาจีน ได้ใช้เทคโนโลยี 3D Printing กับอุตสาหกรรมยานยนต์และอากาศยาน เข้าเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการผลิตเป็นอย่างมาก สามารถลดต้นทุน ลดเวลา และเพิ่มผลผลิตได้เด่นชัด มีอิสระในการออกแบบ และปรับแต่งชิ้นส่วนได้ตามความต้องการ
ล่าสุดจีนสร้างความช็อคอีกแล้ว เมื่อจีนพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์ 3 มิติ (3D Printer) ให้เป็นแนวหน้าชั้นนำของโลก ในอุตสาหกรรมการบิน
โดยใช้ผลิตเครื่องบินรบรุ่นใหม่ มีข้อได้เปรียบ เช่น ความแข็งแรงของโครงสร้างสูง น้ำหนักเบา การยืดอายุการใช้งานยาวนาน ต้นทุนต่ำ การผลิตที่รวดเร็ว
วิธีการผลิตเครื่องบินรบแบบเก่าจะใช้หมุดย้ำหรือการเชื่อมต่อชิ้นส่วนเข้าด้วยกัน แต่การพิมพ์ 3 มิติ สร้างชิ้นส่วนเป็นชิ้นเดียวกันไปเลย จึงมีความแข็งแกร่งของโครงสร้างที่สูงกว่าอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
Shenyang Aircraft Company ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Aviation Industry Corporation of China แหล่งผลิตเครื่องบินรบของจีน ได้สร้างเครื่องบินรบหลักของกองทัพจีน เช่น เครื่องบินขับไล่ J-5 รุ่นแรก ไปถึงเครื่องบินขับไล่ J-15 ที่ใช้บนเรือบรรทุกเครื่องบินที่ทันสมัย และเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์ J-16
พัฒนาเครื่องบินขับไล่ล่องหน FC-31 สำหรับการส่งออก คาดว่าจะพัฒนาต่อไปเป็นเครื่องบินขับไล่รุ่นต่อไปของจีน และยังนำเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ ในโรงงานผลิตเครื่องบินรายใหญ่อื่นๆ ของอุตสาหกรรมการบินของจีนอีกด้วย
ดร. Li Xiaodan สมาชิกของ Luo Yang Youth Commando แห่งสถาบันวิจัยงานฝีมือของบริษัท Shenyang Aircraft Company ระบุว่า “จีนกำลังใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ สร้างเครื่องบินขนานใหญ่ในระดับวิศวกรรม เป็นผู้นำระดับโลก
จีนนำระบบ 3D Printing ผลิตเครื่องบินรบ , เครื่องบินขนส่ง , อากาศยานโดรน , รถยนต์ ฯลฯ แต่ทางชาติตะวันตกมัวแต่ลีลาศึกษา กล้าๆ กลัวๆเพราะกังวลเรื่องเงินทุนที่ยุโรปกำลังถังแตกจากคว่ำบาตรรัสเซีย จนเกิดวิกฤติพลังงานราคาแพง เศรษฐกิจถดถอย ภาคอุตสาหกรรมปิดตัวย้ายหนี
นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย ระบุว่า นโยบายคว่ำบาตรพลังงานราคาถูกรัสเซีย แล้วหันไปนำเข้าพลังงานราคาแพงจากสหรัฐฯ จะทำให้เศรษฐกิจยุโรปแข่งขันได้น้อยลง จนนำไปสู่ผลที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่ยุโรปต้องเลิกกิจการภาคอุตสาหกรรมไปอีกนานถึง 20 ปีข้างหน้า”