จากกรณีที่รัสเซียโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าและพลังงานของยูเครนได้รับความเสียหายกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนเป็นความตั้งใจของกองทัพรัสเซียที่จะสร้างความเสียหายต่อภาคพลังงานของยูเครนในขณะที่ฤดูหนาวมาเยือนแล้ว โดยก่อนหน้านี้นางโอเลนา เซเลนสกา สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของยูเครน คาดว่าชาวยูเครนอาจต้องเผชิญกับฤดูหนาวที่พวกเขาจะไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ไปอีกอย่างน้อย 2-3 ปี
รัฐสภาของสหภาพยุโรปเห็นชอบญัตติที่ระบุว่า การเจตนาโจมตีและความโหดร้ายที่รัสเซียได้กระทำต่อประชาชนของยูเครน รวมถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนและกฎหมายสิทธิมนุษยชนสากลอย่างร้ายแรง ถือเป็นการก่อการร้าย ดังนั้นจึงถือว่า รัสเซียเป็นรัฐสนับสนุนการก่อการร้าย นางโอเลนา เซเลนสกา สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของยูเครน กล่าวว่า ชาวยูเครนเตรียมเผชิญกับฤดูหนาวที่พวกเขาจะไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ไปอีกอย่างน้อย 2-3 ปี จากการที่ถูกรัสเซียโจมตีทางอากาศ การโจมตียูเครนด้วยขีปนาวุธและโดรนของรัสเซีย ทำให้ประชาชนหลายล้านคนทั่วยูเครนไม่มีไฟฟ้า น้ำประปา และไม่สามารถใช้ระบบทำความร้อนในช่วงฤดูหนาวได้
ส่วนท่าทีของรัฐบาลยูเครน ได้พยายามขอร้องให้ประชาชนอพยพออกจากพื้นที่บางแห่ง ซึ่งสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่นโรงไฟฟ้าได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง แทนที่จะต้องทนใช้ชีวิตในช่วงฤดูหนาวที่นั่น นอกจากนี้รัฐบาลยังแนะนำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคเคอร์ซอนและมิโคลายีฟ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ย้ายไปอยู่ในพื้นที่ทางตอนกลางและทางตะวันตกของประเทศแทนด้วย
ขณะที่ประชาชนยูเครนแห่ย้ายออกจากหลาย ๆ เมือง จนแทบจะทิ้งยูเครนให้เป็นเมืองร้างนั้น รัสเซียก็ไม่ปล่อยโอกาสให้พลาด ยังคงเดินหน้าเกมรบต่อเนื่อง และกลับไปประจำการที่ดอนบาสด้วย โดยในเพจเฟซบุ๊ก Around the war world รอบโลกสงคราม ได้รายงานว่า กองกำลังรัสเซียกลับสู่ปฏิบัติการรุกในแนวหน้า ดอนบาส กองทหารรัสเซียทำการรุกในหลายทิศทางในแนวหน้าของยูเครน และประกาศความสำเร็จที่สำคัญในบางพื้นที่ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของ Lisichansk หมู่บ้าน Spornoe ยังคงเป็นพื้นที่ที่หนักที่สุดแห่งหนึ่งของแนวหน้าดอนบาส กองกำลังยูเครนพยายามที่จะฝ่าแนวป้องกันของรัสเซียเพื่อสกัดกั้นการข้ามผ่านแม่น้ำ Seversky Donets และล้อมรอบเมือง Severodonetsk จากทางใต้
อย่างไรก็ตาม การโจมตีของยูเครนทั้งหมดใกล้กับ Spornoe ถูกทำลาย ตามรายงานจากแนวหน้า เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน อันเป็นผลมาจากการจู่โจมทหารของ LPR ฝ่าแนวป้องกันของกองทัพยูเครนและเข้าไปในหมู่บ้าน Spornoe โดยการสนับสนุนของกองทัพอากาศของรัสเซีย เมื่อวานนี้ กลุ่มผู้ก่อวินาศกรรมยูเครนประกอบด้วยทหาร 17 นายถูกสังหารในหมู่บ้าน
ในความพยายามที่จะหยุดการรุกรานของกองกำลังรัสเซีย กองกำลังเคียฟได้เปิดฉากโจมตีหมู่บ้านต่าง ๆ ตามทางหลวง Soledar-Lisichansk แต่ถูกขับไล่ในความพยายามที่จะกลับมายึดครองพื้นที่ Yakovlevka และ Berestovoye การโจมตีของกลุ่ม Wagner ยังคงดำเนินต่อไปใน Bakhmut และบริเวณรอบนอกเพื่อล้อมกองกำลังเคียฟ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน กองกำลังรัสเซียอ้างว่าสามารถยึดฐานสามแห่งทางใต้ของเมืองได้แก่ Andreevka, Zelenopolye และ Ozaryanovka ดังนั้น ส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟจึงถูกตัดออก การต่อสู้เพื่อ Kurdyumovka และ Kleshcheyevka ยังคงดำเนินต่อไป
ในทางกลับกัน หน่วยยูเครนพยายามตอบโต้อีกครั้งในพื้นที่ Opytnoe ทางตอนใต้ของ Bakhmut เเต่ถูกสกัดกั้นไว้โดยหน่วยวากเนอร์พร้อมกับการสูญเสีย ผลจากการโจมตีของรัสเซียอย่างต่อเนื่อง กองกำลังยูเครนใน Bakhmut ซึ่งเป็นส่วนผสมของหน่วยต่าง ๆ รวมทั้งกลุ่มทหารรับจ้างต่างชาติ กำลังประสบกับความสูญเสียอย่างหนัก ตามแหล่งข่าวของยูเครนและตะวันตก กองทัพยูเครนสูญเสียนักรบหลายร้อยคนในทุกวัน กองกำลังจากหน่วยอื่นกำลังมาถึงเพื่ออุดช่องโหว่ในแนวป้องกัน ใน Maryinka ทหารราบของรัสเซียยังคงโจมตีเมืองด้วยการสนับสนุนอย่างแข็งขันของการบินทางยุทธวิธี มีการสู้รบอย่างหนักใกล้กับอาคารบริหารของเมืองและถนน Druzhby ในแนวรบอื่น ๆ สถานการณ์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ในภูมิภาค Kupyansk กองกำลังยูเครนยังคงพยายามบุกทะลวงไปยัง Svatovo แต่ล้มเหลวและต้องล่าถอยด้วยความสูญเสียอย่างหนัก