หลังจากที่รัสเซียมุ่งมั่น จะเดินเกมเผด็จศึกในช่วงหน้าหนาว อาศัยช่วงชิงจังหวะอ่อนแอที่ยูเครนกำลังเผชิญชะตากรรมลำบาก เพื่อจัดการทหารเคียฟให้หนักขึ้น ซึ่งตรงกับคำให้การของเซเลนสกี ที่เจ้าตัวเชื่อว่า รัสเซียจะกลับมาโจมตียูเครนอย่างหนักอีกครั้ง
โดยในเพจเฟซบุ๊ก World Update ได้รายงานว่า รัสเซีย ระดมอาวุธหนัก! ทั้งทัพเรือในทะเล ทัพอากาศเครื่องบินทิ้งระเบิด เมื่อยูเครนเข้าสู่ฤดูหนาวเย็นจัดอุณหภูมิติดลบ หิมะลง ฝนตก แต่กองทัพรัสเซีย ที่ขึ้นชื่อ “เครื่องจักรสงครามฤดูหนาว” กลับดูคึกคักฟิตจัดผิดปกติ นอกจากการเตรียมกำลังรบทางบก แยกเป็นทหารอดีตชาวยูเครนท้องถิ่นแยกเอกราชโอนสัญชาติเป็นรัสเซีย 200,000 นาย ในจำนวนนี้รวมนักรบ Wagner PMC และนักรบท้องถิ่นคอสแซค
ทหารรัสเซีย แผ่นดินแม่ที่ระดมพลมาเพิ่มใหม่อีก 300,000 นาย รวมกำลังรบทางบกทหารฝ่ายรัสเซียทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 500,000 นาย ที่เคลื่อนพลประจำการตามหน่วยแนวหน้าพร้อมรบแล้ว นับเป็นการระดมทหารบกเพื่อเข้าสู่สงครามจริงครั้งใหญ่สุดตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเวียดนาม จำนวนในส่วนนี้ยังไม่ได้รวมกำลังจากกองทัพอากาศ กองทัพเรือรัสเซีย ที่เป็นทหารอาชีพเชี่ยวชาญอาวุธไฮเทคอีกจำนวนมหาศาล วันก่อนประธานาธิบดีเซเลนสกี้ แห่งยูเครน ออกมาระบุว่าสัปดาห์ที่จะถึงต้นเดือน ธ.ค.2022 นี้ จากข้อมูลคาดว่ากองทัพรัสเซีย จะโจมตีขีปนาวุธครั้งใหญ่ที่สุดต่อโครงสร้างพื้นฐานพลังงานยูเครน ตามมาด้วยนางโอเลนา เซเลนสกี้ ภริยาผู้นำยูเครนระบุว่าชาวยูเครนทนอาศัยในสภาพไฟฟ้าดับขาดน้ำประปาได้ 2-3 ปี แต่ล่าสุดพบว่าเธออาศัยในอังกฤษ และไปประดับไฟต้นคริสต์มาส อย่างสุขสบาย อยู่บ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิ่ง กรุงลอนดอน ที่เป็นบ้านประจำตำแหน่งผู้นำอังกฤษ
ล่าสุดโฆษกกองทัพยูเครน ออกมาระบุตอกย้ำอีกครั้งว่า พบการระดมกองทัพเรือรบรัสเซีย ครั้งใหญ่จัดวางตำแหน่งยิงในทะเลดำ จำนวนราว 11 และจัดวางเรือรบรัสเซียตำแหน่งยิงในทะเลอาซอฟ กับทะเลแคสเปี้ยนอีกราว 76 ลำ เรือรบรัสเซียเหล่านี้ ล้วนสามารถยิงขีปนาวุธจากระยะไกล 1,000 – 2,000 กม. ไปยังเป้าหมายไป เช่น ขีปนาวุธร่อน Kalibr ฯลฯ และยังมีเรือดำน้ำรัสเซียติดขีปนาวุธยิงระยะไกลอีกจำนวนมากในทะเลสำคัญทั่วโลก นอกจากนี้ยังพบกองทัพอากาศรัสเซีย ระดมเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ขนาดยักษ์ Tu-95s ย้ายไปจอดรอคำสั่งที่สนามบินย่านทะเลแคสเปี้ยนราว 20 ลำ เครื่องบินนี้กองทัพรัสเซียเคยใช้โจมตีขีปนาวุธร่อน Kh-101 , Kh-555 ระยะยิงกว่า 2,000 กม.มาแล้วหลายครั้ง ในการตอบโต้ฝ่ายกองกำลังผสมในเครน ที่ก่อเหตุยิงอาวุธข้ามชายแดนไปตกเขตรัสเซีย หรือก่อการร้ายเหตุต่าง ๆ เครื่องบินยักษ์มหาประลัยชนิดนี้ หากบินขึ้นพร้อมกัน 11 ลำ จะสามารถยิงขีปนาวุธร่อนพร้อมกันถึง 100 ลูกรวดเดียวใส่ยูเครน อีกทั้งขีปนาวุธรัสเซียพวกนี้มีลักษณะแปลกประหลาด เพราะอัพเกรดดัดแปลงติดตั้งระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูงบางอย่าง ที่ใช้เทคนิครบกวนระบบป้องกันภัยทางอากาศให้สับสนได้
จึงพบเห็นระบบต่อต้านอากาศยาน S-300 ยูเครน , NASAMS สหรัฐฯ , IRIS-T SLM เยอรมนี ฯลฯ เมื่อปล่อยจรวดขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อสกัด แต่มันกลับหมุนยูเทิร์นกลับทิศไปฝั่งตรงข้ามไปถล่มโปแลนด์ หรือพุ่งหัวปักลงใส่อาคารสูงในกรุงเคียฟ และแคว้นต่าง ๆ จนเป็นข่าวใหญ่มาแล้ว ดังนั้นนอกจากขีปนาวุธร่อนรัสเซีย จะพุ่งไปทำลายเป้าหมายตามคำสั่งแล้ว ตัวมันเองในระหว่างบินบนอากาศยังสามารถปกป้องตัวเองโดยอัตโนมัติจากบรรดาระบบต่อต้านอากาศยานเทพตะวันตกทั้งหลาย ที่ผ่านมา สหรัฐฯ เยอรมนี และอิตาลี คือผู้ขายเงินกู้หลักอาวุธต่อต้านอากาศยานเทพดี ๆ ให้ยูเครน ต่อให้ทุกระบบรวมกัน ก็แทบไม่มีความเป็นไปได้เลยที่จะสกัดอาวุธรัสเซียได้หมด ถือเป็นกลยุทธ์การยิงขีปนาวุธที่เหนือชั้นกว่าฝ่ายชาติตะวันตกอย่างมาก
โจทย์ยากนี้จึงทำให้ฝ่าย NATO มึน และยังไม่สามารถปกป้องท้องฟ้ายูเครนได้มาจนถึงปัจจุบัน ระบบพลังงานยูเครน แม้จะซ่อมเสร็จแล้วจึงถูกทำลายซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยฝ่ายยูเครนและชาติตะวันตก ได้แต่แหงนหน้ามองบนท้องฟ้าทำตาปริบ ๆ ให้ขีปนาวุธร่อนรัสเซียบินข้ามหัวไป แล้วยอมใช้อาคารโครงสร้างพื้นฐานพลังงานเป้าหมายเป็นที่สกัดสุดท้ายหยุดอาวุธรัสเซีย ส่งอาวุธมายูเครนต่อไป แหงนคอตั้งบ่า ไฟฟ้าดับวิบวับยาวแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ทางด้านเซเลนสกี เปิดเผยว่า ระบบไฟฟ้าและทำความร้อนในยูเครนใช้ได้ 70% หลังขีปนาวุธรัสเซียโจมตีหลายระลอกในสัปดาห์ก่อน รัฐบาลขอความร่วมมือประชาชนใช้ไฟประหยัด ลดปัญหาไฟขาดยามฉุกเฉิน และรอยเตอร์ส ได้รายงานว่า เป็นเวลานานเกือบ 1 สัปดาห์ หลังจากรัสเซียใช้ขีปนาวุธโจมตียูเครน สร้างความเสียหายแก่สาธารณูปโภคด้านพลังงานทั่วยูเครน และจนถึงวันนี้ ยูเครนยังต้องเผชิญกับปัญหาการกู้สถานการณ์พลังงานในประเทศต่อไป ถือเป็นความดิ้นรนที่เซเลนสกีต้องพยายามอย่างมาก ก่อนที่ยูเครนจะหลายเป็นเมืองร้าง