กลัวจัด!? PAROS โครงการอวกาศรัสเซีย-จีน-อิหร่านแทคทีม เมกาตามไม่ทันโวยปั่นสตาร์วอร์ หวั่นถูกบดขยี้

0

ท่ามกลางสงครามตัวแทนในพื้นที่ยูเครน และสงครามพลังงานและเศรษฐกิจยัง คุกรุ่นในขอบเขตทั่วโลก เพนตากอนออกมาให้ข่าวบ่อยมากพุ่งเป้าไปที่ขั้วอำนาจใหม่ที่กำลังผงาด  ล่าสุดกล่าวหาว่าจีนรัสเซียอิหร่านพากันใช้พื้นที่อวกาศไปในทางทหารคุกคามอำนาจสูงสุดของสหรัฐฯ

ก็เพราะคิดว่าตนเองเป็นใหญ่สูงสุดไม่เพียงบนพื้นโลก แต่ยังรวบอำนาจในพื้นที่อวกาศนอกโลกอีกด้วย บ่งบอกทัศนคติคับแคบที่ทำให้วันนี้สหรัฐติดกับดักอำนาจของตนเอง ไม่สามารถพัฒนาบทบาททางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้อย่างที่ควรเป็น ขณะที่ประเทศที่เคยอยู่นอกสายตากลับก้าวล้ำไปจนหน้าตกใจ

โครงการอวกาศพารอส (PAROS) เป็นโครงการร่วมระหว่างรัสเซีย-จีน-อิหร่านที่ประคับประคองทำให้พันธมิตรทั้งสามผงาดในบทบาทอวกาศอย่างสมศักดิ์ศรี หักหน้าเมกาขาใหญ่ที่วันนี้ยังหาทางขัดขวางคู่แข่งไม่สำเร็จ 

วันที่ ๒๙ พ.ย.๒๕๖๕ สำนักข่าวสปุ๊ตนิก รายงานว่า พลโท นินา อาร์แมกโน (Nina Armagno) ผู้อำนวยการเจ้าหน้าที่ของกองกำลังอวกาศสหรัฐฯกล่าวในงาน ที่ จัดโดย Think Tank ในซิดนีย์ ออสเตรเลียเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า  “ความก้าวหน้าที่พวกเขาทำนั้นน่าทึ่งมาก รวดเร็วอย่างน่าทึ่ง ฉันคิดว่าเป็นไปได้จริงที่พวกเขาจะตามทันและแซงหน้าเราได้อย่างแน่นอน” 

เขากล่าวหาว่าจีนกำลังคุกคามอเมริกามากขึ้นในการแข่งขันเพื่ออำนาจสูงสุดทางทหารในอวกาศ

จีนและรัสเซียเสนอสนธิสัญญาฉบับสมบูรณ์ที่มุ่งสกัดกั้นอันตรายจากการขยายขอบเขตทางทหารในอวกาศเมื่อกว่า ๑๐ ปีที่แล้ว แต่รัฐบาลสหรัฐฯทั้ง ๔ ชุดติดต่อกันได้ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าวอ้างว่าเป็น “อุบายทางการทูต”

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯพุ่งประเด็น เน้นไปที่จีนมากเป็นพิเศษ  แสดงความกังวลเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ ของจีนในอวกาศ ตั้งแต่การสร้างระบบสื่อสารผ่านดาวเทียมใหม่และยานอวกาศที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ ไปจนถึงการวิจัยระยะยาวเกี่ยวกับโอกาสในการขุดดาวเคราะห์น้อยและแม้แต่ดาวเคราะห์เพื่อเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ

อาร์แมกโนกล่าวว่า “จีนเป็นประเทศเดียวที่มีความตั้งใจที่จะปรับเปลี่ยนระเบียบระหว่างประเทศและเพิ่มพูนอำนาจทางเศรษฐกิจ การทูต การทหาร และเทคโนโลยีเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์นั้น ภัยคุกคามที่จีนมีต่อสหรัฐฯ ในอวกาศนั้นคล้ายคลึงกับภัยคุกคามบนโลก”

ผู้อำนวยการกองทัพอวกาศกล่าวโทษปักกิ่งว่า “ประมาท” กิจกรรมการทดสอบขีปนาวุธ และทำให้พื้นที่รอบโลกเปรอะเปื้อนด้วยขยะอวกาศ “ทุ่งเศษซากเหล่านี้คุกคามระบบทั้งหมดของเราในอวกาศ และระบบเหล่านี้มีความสำคัญต่อความมั่นคง ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และวิทยาศาสตร์ของทุกประเทศ” อาร์มาญโญกล่าว

คำวิจารณ์ของ Armagno เกี่ยวกับโครงการทดสอบขีปนาวุธของจีนนั้นมีมากมาย เนื่องจากปัจจุบันสหรัฐอเมริกามีดาวเทียมที่โคจรรอบโลก (อ่านว่า ขยะอวกาศในอนาคต) มากกว่าที่อื่นๆ ในโลกรวมกัน นักดาราศาสตร์ทั่วโลกบ่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกี่ยวกับอันตรายที่ดาวเทียมเหล่านี้มีต่อกล้องโทรทรรศน์บนพื้นโลก ในขณะที่รัฐบาลต่างแสดงความกลัวว่าดาวเทียมเชิงพาณิชย์ของสหรัฐฯ อาจติดตั้งความสามารถทางทหารแบบใช้งานสองทางที่ซ่อนอยู่

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯกล่าวหาจีน รัสเซีย อิหร่าน และเกาหลีเหนือ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า พยายามเสริมกำลังทางทหารในอวกาศหลังจากใช้เวลาเกือบ 15 ปีโดยเพิกเฉยต่อข้อเสนอของมอสโกและปักกิ่งในการสร้างกฎที่ครอบคลุมและตรวจสอบได้ เพื่อป้องกันการติดตั้งฮาร์ดแวร์ทางทหารในอวกาศ

ในปี๒๕๕๑ จีนและรัสเซียได้จัดทำสนธิสัญญา Proposed Prevention of an Arms Race in Space (PAROS)โดยมีร่างข้อตกลงห้ามการติดตั้งอาวุธในอวกาศ ยานอวกาศต่อต้านดาวเทียม และเทคโนโลยีอวกาศอื่น ๆ ที่สามารถใช้ในการทหาร วัตถุประสงค์ นักการทูตรัสเซียและจีนกลับมาใช้แนวคิดนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในช่วงหลายปีนับจากนั้น 

รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เก ลาฟรอฟ เน้นย้ำเมื่อเร็วๆ นี้ว่า “มาตรการที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป และมีผลผูกพันทางกฎหมายซึ่งสามารถป้องกันการเผชิญหน้าทางทหารในอวกาศยังคงสามารถสร้างได้ โดยมี PAROS เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการเจรจา”

แต่ฝ่ายบริหารของสหรัฐฯได้ปฏิเสธข้อเสนอของรัสเซีย-จีนโดยหาว่าเป็น “อุบายทางการทูตของทั้งสองประเทศเพื่อให้ได้เปรียบทางทหารต่อสหรัฐฯ  และในปี 2019 ฝ่ายบริหารของทรัมป์ได้จัดตั้งหน่วย Space Force อย่างเป็นทางการเป็นสาขาย่อยของกองทัพสหรัฐฯ 

ความทะเยอทะยานในอวกาศของเพนตากอนภายใต้หน้ากาก Space Force ได้บรรจุบุคลากรมากกว่า ๘,๔๐๐ คน ยานอวกาศและดาวเทียม ๗๗ ดวง สาขาการทหารมีการเสนองบประมาณปีงบประมาณ ๒๕๖๖ ที่ ๒๔,๕๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ มากกว่าที่ได้รับในปี ๒๕๖๕ ประมาณ ๕ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

นอกเหนือจากการปฏิเสธที่จะเจรจาสนธิสัญญาที่มุ่งป้องกันการเสริมกำลังทางทหารในอวกาศแล้ว วอชิงตันยังได้ดำเนินการหลายขั้นตอนในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมาเพื่อลดทอนเสถียรภาพทางยุทธศาสตร์ในบ้านเกิดของตัวเอง เช่นการถอนตัวจากสนธิสัญญาต่อต้านขีปนาวุธในปี ๒๕๔๕ การยกเลิกสนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลางในปี ๒๕๖๒ และเกือบจะหมดเวลาของสนธิสัญญาการลดอาวุธทางยุทธศาสตร์ใหม่ (การเริ่มต้นใหม่) ในต้นปี ๒๕๖๔ ล่าสุดก็เลื่อนไปอีก ท่วงทำนองแบบนี้คือความไม่เคยชินถูกบังคับ ในฐานะมหาอำนาจเดี่ยว กฎเกณฑ์ที่ออกมาทั้งหมดในระดับสากล สหรัฐจะแหกกฎหรือไม่ก็ไม่ลงนามด้วย เป็นอย่างนี้มานานแล้ว ที่ออกมาโวยวายช่วงนี้เพราะพบความจริงแล้วว่า ที่นาโต้แปลงร่างในยูเครนแพ้ยับเพราะ ใช้วิธีสกปรกจากไซเบอร์วอร์แฟร์ หรืออิเลคโทนิควอร์แฟร์ทำอะไรรัสเซีย-จีนไม่ได้ ยังไม่แพ้ก็ถือว่ายังเป็นรองทั้งจีนและรัสเซีย???