ในกระแสการต่อสู้ที่ดุเดือดแหลมคมที่สมรภูมิสงครามตัวแทนยูเครน ปธน.ปูตินได้เอาใจใส่ให้กำลังใจนักรบของรัสเซียอย่างจริงจัง รวมไปถึงครอบครัวด้วย ล่าสุดจัดนัดพบมารดานักรบที่อยู่แนวหน้าเป็นกิจลักษณะ รับรู้ความทุกข์ความต้องการและข้อเรียกร้องของครอบครัวทหารที่ออกไปสู้ศึกแนวหน้า พร้อมยกย่องว่าพวกเขาคือวีรบุรุษของชาติ ในขณะที่ขวัญกำลังของทหารยูเครนเป็นตรงกันข้าม ใครไม่ยอมสู้จะถูกประหารในสนามรบ จึงเกิดสภาพที่ครอบครัวทหารที่สูญหายออกมาเคลื่อนไหว ทั้งประณามขอคำชี้แจงจากเซเลนสกี้และผู้บริหารเมืองมากขึ้น โดยสื่อตะวันตกจะไม่เผยแพร่ข่าวเหล่านี้ต้องติดตามจากช่องทางโซเชียลมิเดียหรือเทเลแกรม
ทางด้านการทหาร ผู้เชี่ยวชาญการทหารของรัสเซียออกมาแจงว่า การที่รัสเซียไม่ออกอาวุธสมรรถภาพสูง ทั้งนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์หรือไฮเปอร์โซนิคนั้นเพราะอาวุธรัสเซียเท่าที่นำมาใช้ในศึกยูเครน พิสูจน์แล้วว่าเหนือชั้นกว่าของเมกา-นาโต้ เทียบHIMARS และPatriot ของสหรัฐ ก็สู้ไฮเปอร์โซนิค Kinsal ของรัสเซียไม่ได้ ที่นำออกมาใช้ส่วนใหญ่ทดสอบและโชว์ให้เมการู้ว่ายังมีอาวุธชั้นสูงอีกหลายระดับพร้อมลุย แต่ไม่นำออกมาใช้ตามแรงยั่วยุของวอชิงตัน ขนาดไม่ปล่อยเขี้ยวเล็บระดับพระกาฬทหารผสมเคียฟ-นาโต้ยังกระจุย
และนี่อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ท่าทีของสหรัฐและพันธมิตรยุโรปเริ่มหนืดลง ไม่ต้องการปะทะกับรัสเซียโดยตรง แม้จะยังมีการส่งอาวุธและเงินช่วยเหลือตามคำขอของยูเครนแต่ก็เป็นไปอย่างเนือยๆ ที่กระตือรือร้นหนักก็เห็นมีแต่โปแลนด์ และลัตเวียที่ออกมาเล่นบทกองหน้าท้ารบรัสเซียและเบลารุสอยู่เหยงๆ
วันที่ ๒๖ พ.ย.๒๕๖๕ สำนักข่าวทาซซ์รายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารของรัสเซีย พล.ท.ยูริ เน็ตคาเชฟ (Yury Netkachev) ระบุว่า “จนถึงตอนนี้ มอสโกว์ยังไม่ได้ใช้อาวุธที่มีความเร็วเหนือเสียงในระดับมวลชน และการป้องกันทางอากาศของยูเครนในปัจจุบันก็ไร้อำนาจที่จะต่อต้านพวกมัน”
ระบบป้องกันภัยทางอากาศของตะวันตกไม่น่าจะปกป้องสิ่งอำนวยความสะดวกทางทหารทั้งหมดของยูเครนได้รัสเซียจึงเก็บขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงไว้ใช้ในอนาคต
มอสโกว์คิดว่าการโจมตีของกองทัพรัสเซียต่อ “ระบบบัญชาการทางทหารของยูเครนและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านพลังงานไฟฟ้าที่เกี่ยวข้อง” นั้นได้ผล ขณะที่เคียฟปฏิเสธและยืนยันว่าขีปนาวุธส่วนใหญ่ถูกยิงตก เซเลนสกี้ (Zelensky) อ้างว่าเพื่อความน่าเชื่อถือที่มากขึ้นในการป้องกันทางอากาศ สหรัฐฯ และสมาชิก NATO ควรจัดหาเสบียงใหม่สำหรับระบบป้องกันภัยทางอากาศ รวมทั้งขีปนาวุธ Patriot ที่จะทำให้ทั้งนาโต้และยูเครนพร้อมที่จะสู้รบต่อไป
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวสรุปว่า “ตลอดระยะเวลาของการปฏิบัติการรบ ในขณะที่ปฏิบัติภารกิจของปฏิบัติการทางทหารพิเศษ ระบบไฮเปอร์โซนิกทางอากาศคินซาล (9-А-7660 Kinzhal) ถูกใช้งานเพียง ๓ ครั้งเท่านั้น”
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า “ขีปนาวุธเพียงสามลูกเท่านั้นที่ถูกยิงสู่เป้าหมายสำคัญทั้งหมดอย่างแม่นยำ ในขณะเดียวกัน ย้อนกลับไปในปี ๒๕๖๔ ในเขตทหารทางตอนใต้ กองทหารทั้งกองได้ประจำการอาวุธดังกล่าว MiG-31K เครื่องบินขับไล่สกัดกั้นพิสัยไกลความเร็วเหนือเสียงได้ถูกสร้างขึ้น ดังนั้น ยังไม่มีข้อมูลเปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่ผมคิดว่า มีไม่ต่ำกว่า ๓๐ ลำ และความสามารถของขีปนาวุธ Kinzhal อย่างน้อยก็พร้อมใช้กว่า 10 หน่วยต่อลำ ดังนั้น รัสเซียอาจโจมตีได้ เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ไม่น้อยกว่า 300 เป้าหมายศัตรูในยูเครนหรือประเทศนาโต้ได้เต็ม 100%”
ในขณะที่ยูเครนและพันธมิตรนาโต้เองต่างก็เฝ้ารอมาหลายสัปดาห์ว่า เมื่อไหร่รัสเซียจะหมดอาวุธใช้ขีปนาวุธร่อนพิสัยไกลจนหมด เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2022 Vadym Skibitsky ตัวแทนของคณะกรรมการข่าวกรองหลักของกระทรวงกลาโหมยูเครน (GUR) กล่าวกับนิตยสาร Economist ว่ากองทัพรัสเซียน่าจะ “เหลือขีปนาวุธสมัยใหม่เพียง 20%” แต่ความจริงยังสวนทาง
จากข้อมูลเปิด ขีปนาวุธปฏิบัติการ-ยุทธวิธีที่มีความเร็วเหนือเสียงเคเอช-๓๒ (Kh-32) และคอมเพล็กซ์อิสคานเดอร์-เค (Iskander-K)ของรัสเซียก็แทบไม่เคยถูกใช้ในยูเครน ตามรายงานที่เปิดเผยระบุว่าในกองทัพรัสเซีย มีอยู่อย่างน้อย ๔๐๐-๕๐๐ ลูก “ในขณะเดียวกัน ขีปนาวุธอย่าง X-101 และคาลิเบอร์( Calibre) ก็สามารถตอบโต้ได้ดีในสนามรบ ซึ่งได้ถล่มHIMARsไปหลายครั้ง และพร้อมต่อกรกับระบบป้องกันภัยทางอากาศPatriot ของอเมริกาด้วย
ฤทธิเดชของอิสคานเดอร์ (Iskander-M 9K720 (SS-26 Stone) ตามการจัดหมวดหมู่ของนาโต้ ได้รับการออกแบบมาเพื่อทำลายระบบจรวดหลายลำ ขีปนาวุธและการป้องกันภัยทางอากาศ เครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ที่สนามบิน ฐานบัญชาการ และโครงสร้างพื้นฐาน ชุดกองพลประกอบด้วยฮาร์ดแวร์มากกว่า ๕๐ หน่วย รวมทั้งเครื่องยิง เครื่องขนถ่าย เจ้าหน้าที่บังคับการ และรถบริการ มันยิงขีปนาวุธและจรวดร่อนไปในระยะไกลได้ ๕๐๐ กม. ขีปนาวุธเหล่านั้นถูกใช้อย่างประสบความสำเร็จระหว่างปฏิบัติการทางทหารพิเศษของรัสเซียในยูเครน!!