ฝ่าพายุโหม!? แม่ทัพจีนร้องอาเซียนผนึกกำลัง ปฏิเสธความเป็นเจ้าโลกต.ต. ขวางปั่นเอเชียแหลกเหมือนยูเครน

0

ในการเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนบวกครั้งที่ ๙ ในกัมพูชา เมื่อวันพุธที่ผ่านมา รมว.กลาโหมของจีนเรียกร้องให้มีความเป็นปึกแผ่นและยุติธรรมแทนที่การจะเป็นเจ้าโลกและการแบ่งแยก และเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ปฏิบัติตาม Global Security Initiative ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างความมั่นคงสำหรับความปลอดภัยสากล นอกจากนี้ เขายังเน้นย้ำว่าการเติบโตและความแข็งแกร่งของกองทัพจีนจะเอื้อประโยชน์ต่อสันติภาพของโลกเสมอ แต่กองทัพจีนมีความมั่นใจและความสามารถในการเอาชนะผู้บุกรุกใดๆ ซึ่งเป็นการยืนยันถึงเส้นแดงของจีนในคำถามเกี่ยวกับไต้หวัน

นักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่า แม้สหรัฐฯ และกองกำลังภายนอกภูมิภาคอื่น ๆ จะพยายามทำให้ผลักดันประเด็นไต้หวันให้เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ แต่จีนมั่นใจว่า ชาติอาเซียนมีสติปัญญาและวิจารณญาณที่จะแยกแยะ และป้องกันความขัดแย้งไม่ให้เกิดสงครามในเอเชียเหมือนในยูเครน ตามการยั่วยุของวอชิงตัน พูดแบบชัดๆซัดตรงต่อหน้ารมว.กลาโหมสหรัฐที่ร่วมประชุมด้วย

วันที่ ๒๕ พ.ย.๒๕๖๕ สำนักข่าวโกลบัลไทมส์ รายงานว่า นายพลเหว่ย เฟิงหยี (Wei Fenghe) มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของจีนกล่าวเน้นย้ำว่า “สันติภาพและการพัฒนาของโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ วิธีที่ถูกต้องคือการสร้างชุมชนที่มีอนาคตร่วมกันสำหรับมนุษยชาติ ซึ่งเป็นสถานที่ที่อนาคตของโลกดำรงอยู่ 

ภายใต้หัวข้อ “ความเป็นปึกแผ่นเพื่อความมั่นคงที่ประสานกัน” การประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนครั้งที่๙ พลัส (ADMM-Plus th9) จัดขึ้นที่ประเทศกัมพูชาเมื่อวันพุธที่ ๒๓ พ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางการเสริมสร้างความมั่นคง เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคและโลก ในงานนี้มีรัฐมนตรีกลาโหมจากอาเซียนและคู่เจรจา ได้แก่ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ รัสเซีย ออสเตรเลีย และสหรัฐฯ เข้าร่วมการประชุม

ขณะที่กล่าวสุนทรพจน์รมว.กลาโหมจีนกล่าวว่า “เราต้องการความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันไม่ใช่การแตกแยก ความเป็นธรรมไม่ใช่ความเป็นเจ้าโลก ความเปิดกว้างไม่ใช่การปิดกั้น ผลประโยชน์ร่วมกันไม่ใช่ความเห็นแก่ตัว” 

เหว่ยกล่าว พร้อมย้ำว่าประเทศต่างๆ ควรร่วมกันกำหนดและรักษาระเบียบระดับภูมิภาคที่สร้างความสมดุลระหว่างข้อกังวลของทุกฝ่ายและผลประโยชน์ของพวกเขา 

ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่า นี่เป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกของเหว่ย หลังจากการประชุมสภาแห่งชาติครั้งที่ ๒๐ ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ซึ่งเน้นย้ำว่าจีนให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่ออาเซียน ในด้านการป้องกันประเทศ ความมั่นคง และความสัมพันธ์ทวิภาคี การประชุมระหว่างรัฐมนตรีกลาโหมของจีนกับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนมีความสำคัญยิ่ง เนื่องจากมหาอำนาจภายนอกได้เพิ่มความพยายามในการดึงพันธมิตรทางทหารและยุยงให้เกิดความขัดแย้ง ซึ่งเป็นภัยคุกคามที่เพิ่มมากขึ้นต่อเสถียรภาพในภูมิภาค

สหรัฐฯ กำลังพยายามหว่านความวุ่นวายในเอเชีย หลังจากจุดชนวนความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนผ่านการขยายตัวของ NATO และความตึงเครียดที่ลุกโชนระหว่างรัสเซียและตะวันตก 

หลี่ ไห่ตง ศาสตราจารย์จากสถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแห่งมหาวิทยาลัยการต่างประเทศจีน(Li Haidong, a professor from the Institute of International Relations at the China Foreign Affairs University) วิเคราะห์ว่า “ถ้อยแถลงของเหว่ย เป็นการตอบโต้การแทรกแซงของกองกำลังจากนอกภูมิภาค โดยเฉพาะกองกำลังจากสหรัฐฯ เนื่องจากยังคงทำการยั่วยุต่อประเด็นร้อน เช่น คำถามเกี่ยวกับไต้หวันและปัญหาทะเลจีนใต้ 

เหว่ยยังย้ำยืนยันการแก้ปัญหาในคำถามไต้หวัน ว่าจีนไม่ได้โลภผลประโยชน์ของประเทศอื่น ๆ แต่ความตั้งใจที่จะปกป้องผลประโยชน์ของตนเองนั้นมั่นคงราวหินผาหิน เป็นการย้ำจุดยืนของจีนต่อคำถามของไต้หวันส่งสัญญาณถึงสหรัฐโดยตรงว่า การแก้ปัญหาไต้หวันเป็นเรื่องของชาวจีน กองทัพจีนไม่ยอมแพ้ และ มั่นใจ สามารถเอาชนะผู้บุกรุกได้อย่างแน่นอน

เขายังบอกกับ ลอยด์ ออสติน (Lloyd Austin) รมว.กลาโหมสหรัฐฯว่าการรวมชาติของจีนอย่างสมบูรณ์จะต้องเกิดขึ้นและสามารถเกิดขึ้นได้จริง กองทัพจีนมีแกนหลัก ความมั่นใจ และความสามารถในการปกป้องการรวมชาติอย่างเด็ดเดี่ยว

สถานการณ์ข้ามช่องแคบเลวร้ายลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่นางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐฯ เยือนเกาะไต้หวันอย่างเร้าใจเมื่อต้นเดือนสิงหาคม ซึ่งทำให้ประเทศในภูมิภาคต่างวิตกกังวลเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น นอกเหนือจากการพยายามทำให้คำถามของไต้หวันเป็นสากล และโน้มน้าววาทศิลป์ที่เป็นภัยคุกคามต่อจีนไม่จบสิ้น 

นอกจากนี้สหรัฐฯ ยังได้เพิ่มผลักดันการขยายพันธมิตรทางทหารของ NATO ไปยังเอเชียและแปลงร่างนาโต้ผ่านพันธมิตรกลุ่มออคัส(AUKUS) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งนักวิเคราะห์กล่าวว่าอาจนำไปสู่การแย่งชิงอาวุธและขีปนาวุธนิวเคลียร์ยังความวุ่นวายและอันตรายมากขึ้น 

เขากล่าวในที่ประชุมว่าฝ่ายกลาโหมของทุกประเทศควรรักษาสถานะความศูนย์กลางของอาเซียน ปฏิบัติตามโกลบัล เซคเคียวริตี้ อินิชิเอทีฟ (Global Security Initiative) ที่ให้ความสำคัญกับความร่วมมือในทางปฏิบัติ และทำงานร่วมกันเพื่อสร้างกำแพงที่มั่นคงสำหรับความมั่นคงในอาเซียนและทั่วทุกภูมิภาคของโลก

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า “จีนยังคงเชื่อมั่นว่า ประเทศในอาเซียนและเอเชียจำนวนมากให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับวิธีการปรับปรุงการประสานงานเพื่อรับประกันความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคต่อทุกฝ่าย และไม่เต็มใจเลือกข้าง ผู้นำระดับภูมิภาคต่างมีสติปัญญาและความสามารถในการต่อต้านความพยายามใด ๆ ที่จะบ่อนทำลายเสถียรภาพในภูมิภาค และจีนพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่”