จากที่วันนี้ 25 พฤศจิกายน 2565 Blockdit World Update เผยแพร่ข้อความที่สำคัญต่อสถานการณ์ของยูเครน และความเคลื่อนไหวของชาติสหภาพยุโรปที่ประสบปัญหาขาดแคลนพลังงานเป็นชาติล่าสุดนั้น
ทั้งนี้โดยเนื้อหาที่ Blockdit World Update ได้โพสต์ไว้มีบางช่วงที่น่าสนใจว่า “มอลโดวา ชาติอดีตสหภาพโซเวียต ที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล มีประชากรแค่ 2.6 ล้านคนเท่านั้น ที่เหลือเป็นผู้อพยพ ด้วยมอลโดวา เชื่อคำยุยงจากสหรัฐฯ ว่ารัสเซีย เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต้องคว่ำบาตร
เดือน ต.ค.2022 มอลโดวา ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างร้ายแรง มีอัตราเงินเฟ้อสูงราว 34% ดอกเบี้ย 21.5% เศรษฐกิจถดถอย อาหารราคาแพง ประชาชนปักหลักประท้วงที่เมืองหลวงคิชิเนฟ มานานติดต่อหลายเดือนแล้วเพื่อขับไล่รัฐบาลออกไป เปลี่ยนรัฐบาลใหม่ที่เป็นมิตรกับรัสเซีย
ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก โวยวายว่า “หากรัฐบาลไม่รู้จักวิธีการบริหารประเทศ ไม่รู้จักทำให้ราคาพลังงาน ราคาอาหารกลับมาเป็นปกติ ไม่รู้จักวิธีทำให้ประชาชนไม่อดอยาก รัฐบาลก็ควรจะลาออกไป”
ด้วยมอลโดวา อยู่ระหว่างโรมาเนีย และแคว้นโอเดสซา ยูเครน ท่อพลังงานก๊าซต้นทางมาจากรัสเซีย ผ่านยูเครนเข้ามอลโดวาระบบไฟฟ้าถูกออกแบบมาให้ใช้ Grid เดียว และซื้อไฟฟ้าจากยูเครน ถ้าระบบไฟฟ้ายูเครนล่ม ที่มอลโดวา ระบบพ่วงกันก็จะไฟฟ้าล่มตามกันไปด้วย
ส่วนท่อก๊าซนั้น ทางรัสเซียตรวจพบว่ายูเครนลักลอบเอาออกไปฟรีในช่วงผ่านดินแดน ทำให้มอลโดวาได้รับก๊าซไม่ครบ แต่ต้องจ่ายเงินให้รัสเซียเต็มจำนวน ทำให้มอลโดวาแบกรับภาระการเงินแทนยูเครนไม่ไหว เบี้ยวค้างชำระเงินค่าก๊าซ จึงโดนรัสเซียระงับตัดจ่ายก๊าซให้ เพราะของฟรีไม่มีในโลก
ล่าสุดยูเครนปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 3 โรง ระบบพลังงานไฟฟ้าในยูเครนล่ม ส่งผลโดมิโนไปถึงมอลโดวา ระบบไฟฟ้าดับกว่า 50% ของประเทศ ไฟสัญญาณจราจรดับ เกิดอุบัติเหตุจราจรรถชนกัน จนติดยาว รถไฟฟ้าหยุดเดินรถ
การใช้งานโทรศัพท์ล่ม ประชาชนยืนรอรถเมล์อยู่ที่ป้ายโดยไร้แสงสว่าง ร้านค้าธุรกิจต่าง ๆ ต้องปิดเพราะไม่มีไฟฟ้าใช้ อุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องทำความร้อนใช้ไม่ได้
เจ้าหน้าที่ต้องแบ่งกำลังจากคุมม็อบ มาระดมกำลังอย่างเร่งด่วนเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศที่กำลังวุ่นวายสับสนอลหม่าน ตำรวจมอลโดวา และบริษัทไฟฟ้า ขอร้องให้ประชาชนอยู่ในความสงบ
มอลโดวาจัดเป็นหนึ่งในประเทศยากจนที่สุดในโลก แต่ต้องรับภาระรับผู้อพยพจากยูเครนมากที่สุดเมื่อเทียบกับสัดส่วนประชากร เพราะพรมแดนติดกับยูเครน
ประธานาธิบดีไมอา ซานดู แห่งมอลโดวา ระบุว่า ประชาชนจะต้องจ่ายเงินในสัดส่วนถึง 65% ของรายได้ประจำ เพื่อเป็นค่าพลังงานความร้อนสำหรับตัวเองในช่วงฤดูหนาวนี้ ที่ราคาน้ำมันในประเทศเพิ่มขึ้น 7 เท่า และค่าไฟฟ้าเพิ่ม 4 เท่า
เธอจึงต่อสายหารือกับผู้นำยูเครน แต่ได้รับคำแนะนำว่าให้ปิดปากเงียบไม่ให้เผยแพร่บอกใคร ขู่ว่าจะเป็นอันตรายและไม่ปลอดภัย มอลโดวาจึงขอความช่วยเหลือการเงินจากสหภาพยุโรปเยอะๆ หน่อย
เธอยังโทษว่าที่ไฟฟ้าดับนี้รัสเซียต้องรับผิดชอบ ที่ปล่อยให้มอลโดวาอยู่ในความยากลำบาก แต่มอลโดว่าจะทำตามที่สหรัฐ และยุโรปบอกคือไม่ยกเลิกคว่ำบาตรรัสเซีย”
อย่างไรก็ตามเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมาด้วยว่า ประธานาธิบดีไมยา ซานดู ของมอลโดวา ประกาศลงนาม คำขอเข้าร่วมสหภาพยุโรปแล้ว
สำหรับอดีตสมาชิกสหภาพโซเวียตในยุโรปตะวันออกประเทศนี้เป็นหนึ่งในประเทศที่ฐานะยากจนที่สุดของยุโรป เมื่อปี 2557 มอลโดวาเคยลงนามความตกลงเข้าร่วมสมาคมกับอียู ด้วยเป้าหมายปรับตัวให้สอดคล้องกับมาตรฐานทางการเมืองและเศรษฐกิจของอียู แต่ไม่ได้มีการรับประกันว่ามอลโดวาจะได้เป็นสมาชิก