โศกนาฎกรรมครั้งล่าสุดสังเวยชีวิตคนอเมริกัน ท่ามกลางหิมะโปรยปราย ผู้จัดการรายหนึ่งของห้างค้าปลีกวอลมาร์ท ในรัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐฯ เปิดฉากยิงใส่เพื่อนร่วมงานในห้องพักผ่อน สังหารหมู่ไป ๖ ราย ก่อนปลิดชีพตัวเองรวมเป็น ๗ รายเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นในประเทศแห่งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก สื่อมะกันเปิดเผยข้อมูลสุดอึ้ง พบว่าทั่วประเทศอเมริกา มีเหตุการณ์กราดยิงเกิดขึ้นเฉลี่ยแล้ววันละ ๒ เหตุการณ์
วันที่ ๒๔ พ.ย.๒๕๖๕ สำนักข่าวเอ็นบีซีนิวส์และอัลจาซีรา รายงานว่า สำนักงานตำรวจรายงานเกิดเหตุกราดยิง ภายในห้างสรรพสินค้าวอลมาร์ต เมืองเชซาพีก(Chesapeake) รัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น
พนักงานสอบสวนให้ข้อมูลอย่างเป็นทางการเพิ่มเติมว่า มีเหยื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างน้อย ๖ ราย ส่วนคนร้ายอีก ๑ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุเช่นกัน เบื้องต้นมีการเปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุอาจเป็นผู้จัดการของวอลมาร์ตสาขานี้ ก่อเหตุกราดยิงภายในห้องพักของพนักงาน หลังจากนั้นกระทำอัตวินิบาตกรรม หรือปลิดชีพตัวเองก่อนเจ้าหน้าที่ยกกำลังมาถึง
คำบอกเล่าของพยานพนักงาน ๒ คนที่อยู่ในห้องพักผ่อน เปิดเผยว่า คนร้ายชื่ออังเดร บิง วัย ๓๑ ปี จากเมืองเชสซาพีค รัฐเวอร์จิเนีย ไม่พูดจาใดๆ ตอนที่เขาเปิดฉากยิงใส่พวกพนักงานที่รวมตัวกันในช่วงเย็นก่อนเข้ากะกลางคืน
บิง ทำงานมาตั้งแต่ปี ๒๐๑๐ ในฐานะหัวหน้ากะกลางคืนที่วอลมาร์ท ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ไม่ไกลจากเขตแบทเทิลฟิลด์ บูเลอวาร์ด เมืองเชสซาพีค ซึ่งมีประชากรราว ๒๕๐,๐๐๐ คน
ถ้อยแถลงของเมืองระบุว่า “หน่วยสืบสวนกำลังทำงานเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภูมิหลังของมือปืน และอะไรเป็นแรงจูงใจของการก่อเหตุกราดยิง”
เพื่อนร่วมงานของบิง หลายคนบอกกับซีเอ็นเอ็นว่า เขามักแสดงออกแปลกๆ และที่ผ่านมา บางครั้งก็มีพฤติกรรมข่มขู่คุกคาม นอกจากนี้ ก็เคยพูดแสดงความหวาดระแวง แสดงความกังวลว่ารัฐบาลกำลังเฝ้าจับตามองเขา
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไม่นาน ตามหลังเหตุสังหารหมู่ ๕ ศพที่ไนต์คลับกลุ่มคนข้ามเพศ LGBTQ แห่งหนึ่งในโคโลราโด สปริงส์ เมื่อวันเสาร์ที่19 พ.ย.ที่ผ่านมา เหตุกราดยิงล่าสุดเรียกเสียงประณามรอบใหม่จากเจ้าหน้าที่รัฐ และเสียงเรียกร้องจากบรรดานักเคลื่อนไหวทางสังคมที่ขอให้ยกระดับควบคุมอาวุธปืนเข้มข้นยิ่งขึ้น
เหตุนองเลือดครั้งนี้ ถือเป็นความรุนแรงจากอาวุธปืนหนล่าสุดที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ซึ่งจากข้อมูลของ GunViolenceArchive.org. พบว่าในประเทศแห่งนี้มีค่าเฉลี่ยเกิดเหตุกราดยิง คำนิยามของเหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ ๔ คนขึ้นไปราว ๒ เหตุการณ์ในแต่ละวัน
เกลนน์ ยังกิน ผู้ว่าการรัฐเวอร์จิเนีย ได้สั่งให้ลดธงครึ่งเสาตามอาคารท้องถิ่น อาคารหน่วยงานระดับรัฐและอาคารของหน่วยงานรัฐบาลกลาง ขณะที่ก่อนหน้านี้เขาต้องเผชิญเสียงเรียกร้องอยู่ก่อนแล้วให้ดำเนินนโยบายต่างๆ จัดการกับความรุนแรงจากอาวุธปืน ตามหลังเหตุยิงกันที่มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย
เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เหตุกราดยิงครั้งแรกที่เกิดขึ้นในห้างวอลมาร์ท ซึ่งมีสาขาหลายพันแห่งทั่วประเทศ โดยในเดือนสิงหาคม ๒๐๑๙ มีผู้เสียชีวิตมากถึง ๒๓ คน ในเหตุสังหารหมู่ในห้างวอลมาร์ทสาขาหนึ่งในเมืองเอล ปาโซ รัฐเทกซัส ใกล้ชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายระบุว่าเป็นการก่อการร้ายภายใน นอกจากนี้ มันยังเป็นเหตุโจมตีนองเลือดที่สุดต่อประชาคมชาวฮิสแปนิก (Hispanic) กลุ่มคนที่ใช้ภาษาสเปนในสหรัฐฯ ในยุคนี้
มีฐานข้อมูลที่ใช้งานอยู่อย่างน้อย ๕ ฐานข้อมูลที่ติดตามการกราดยิงจำนวนมากทั่วสหรัฐอเมริกา โดยแต่ละฐานข้อมูลมีเกณฑ์ที่แตกต่างกันสำหรับจำนวนผู้เสียชีวิตขั้นต่ำ สถานที่เกิดเหตุ และแรงจูงใจของผู้ก่อเหตุ ทำให้ข้อมูลกระจัดกระจายไม่มีการบริหารจัดการข้อมูลโดยส่วนกลาง ต่างคนต่างทำ ที่ทำการสำรวจและรายงาน หรือที่สื่อติดตามมานำเสนอมาจาก
ฐานข้อมูลของกลุ่มMother JonesและThe Violence Projectมีคำจำกัดความที่เข้มงวดที่สุดของการยิงหมู่ โดยนับเหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยสามหรือสี่คนตามลำดับ โดยเหตุกราดยิงในที่สาธารณะและเป้าหมายของผู้ยิงโดยไม่เลือกปฏิบัติ นอกจากนี้มีฐานข้อมูลของ Everytown for Gun Safetyมีคำจำกัดความที่กว้างกว่าของการกราดยิงจำนวนมาก ซึ่งมีผู้เสียชีวิตตั้งแต่สี่คนขึ้นไป แต่เหตุกราดยิงเกิดขึ้นที่ใดก็ตาม รวมถึงในสถานที่ส่วนตัวและที่ซึ่งผู้ยิงมีแรงจูงใจใด ๆ รวมถึงอาชญากรรมของการปล้นอาวุธ ความรุนแรงของแก๊ง หรือความรุนแรงในครอบครัว
อีกกลุ่มหนึ่ง เป็นคลังข้อมูล ความรุนแรงของปืนและการติดตามการยิงปืนเป็นองค์กรเอกชน มีคำจำกัดความที่เข้มงวดน้อยที่สุด และรวมถึงเหตุการณ์ที่มีการใช้ปืนเพื่อสังหารหรือทำร้ายผู้คนตั้งแต่๔คนขึ้นไปโดยไม่คำนึงถึงสถานที่หรือแรงจูงใจของผู้ยิงปืน
สรุปว่าจนบัดนี้ สหรัฐอเมริกายังไม่มีข้อมูลตัวเลขที่ชัดเจนของเหตุการณ์และข้อสรุปถึงมูลเห็นจูงใจอย่างครบด้าน ไม่น่าแปลกใจว่าทั้งรัฐบาลและสภาคองเกรสจึงไม่เห็นพรรคใหญ่ทั้งเดโมแครตและรีพับลิกัน จะมีแนวทางแก้ปัญหาอาชญากรรมจากปืนได้อย่างเอาจริงเอาจัง เกิดเป็นกระแสก็โหนกระแส แล้วก็เงียบหายไปในที่สุด บทบาทส่วนใหญ่ของสหรัฐและผู้นำเน้นไปที่นโยบายต่างประเทศ ออกไปก่อความปั่นป่วน กวนกระแสขัดแย้งทั่วโลกเพื่อเป้าหมายทางภูมิรัฐศาสตร์เป็นสำคัญ ปัญหาหมักหมมในประเทศจึงกำลังปะทุอย่างหนัก สะท้อนให้เห็นความความระส่ำระสาย จ่อเป็นสังคมล้มเหลวอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน!!???