ยุโรปผวา! รัสเซียสวนกลับ ลดส่งออกแร่ยูเรเนียม! ตัดทางผลิตอาวุธนิวเคลียร์-เรือดำน้ำเหี้ยน
จากกรณีที่การผลิตยูเรเนียมของรัสเซียถูกควบคุมโดย Rosatom ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐวิสาหกิจที่ก่อตั้งโดยประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ด้านอุตสาหกรรมพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ต้องพึ่งพารัสเซียและพันธมิตร ในขณะที่ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐ ประกาศแบนพลังงานน้ำมัน ก๊าซ ถ่านหิน จากรัสเซีย แต่ยกเว้นการนำเข้าแร่ยูเรเนียมจากรัสเซีย เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมปฏิกรณ์นิวเคลียร์ และอุตสาหกรรมอาวุธร้ายแรง
ต่อมาทางด้าน Blockdit World Update ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีที่ยุโรปกังวลกลัวรัสเซีย ตัดพลังงานแร่ยูเรเนียมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โดยระบุข้อความว่า แร่ยูเรเนียม ถูกใช้ใน 2 ลักษณะอย่างควบคุมเข้มงวด คือ ทางพลเรือน ใช้ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ใช้ทางการแพทย์ การศึกษาวิจัย ฯลฯ , ทางทหาร ใช้ผลิตอาวุธนิวเคลียร์ เป็นพลังงานในเรือบรรทุกเครื่องบิน เรือดำน้ำ ฯลฯ
รัสเซีย และคาซัคสถานซึ่งควบคุมโดยบริษัท Rosatom รัสเซีย เป็นผู้ผลิตและส่งออกแร่ยูเรเนียมในสัดส่วน 42% ของเครื่องปฏิกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดทั่วโลก ในจำนวนนี้ส่งให้สหภาพยุโรป 20% , สหรัฐฯ 14% ส่วนสหราชอาณาจักร ได้รับยูเรเนียมจากเครือจักรภพที่ยังไม่ได้ให้เอกราช คือ ออสเตรเลียและแคนาดา ราวเกือบ 30%
เนื่องจากชาวยุโรปคว่ำบาตรพลังงานก๊าซทางท่อราคาถูกรัสเซีย ทำให้ต้องหันไปซื้อก๊าซเหลว LNG ราคาแพงจากสหรัฐฯ นอร์เวย์ กาตาร์ จึงดันให้ราคาก๊าซยุโรปพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ต่อมามีมือมืดก่อการร้ายระเบิดท่อก๊าซ Nordstream รัสเซีย ทำให้ก๊าซหยุดส่งไปยังยุโรป ทั้ง 41 ชาติยุโรป เดือดร้อนอย่างหนักจากการก่อเหตุร้ายของมือมืด ทั่วทั้งทวีปยุโรปต่างพยายามคว่ำบาตรก๊าซรัสเซีย แล้วหวังว่าพลังงานไฟฟ้านิวเคลียร์จะเป็นหนทางออก สามารถเพิ่มแหล่งพลังงานที่ผลิตเองในบ้านได้ แต่นี่คือความคิดตื้นเขิน
แม้ยุโรปจะจินตนาการกันว่าเชื้อเพลิงแร่ยูเรเนียมนิวเคลียร์จะไม่ขาดตลาดในกรณีที่ถูกรัสเซียสวนกลับ แต่นั่นไม่ใช่โลกแห่งความจริง เพราะแร่ยูเรเนียมเหล่านั้น แม้ไม่ต้องนำเข้าจากรัสเซียโดยตรง แต่บริษัทลูกรัสเซียในออสเตรเลีย แคนาดา สหรัฐฯ คาซัคสถาน ก็เป็นของรัสเซียอยู่ดี นี่คือปัญหาแบบงูกินหางไม่รู้จบ
เมื่อเปรียบเทียบกับวิกฤตก๊าซแพง สถิติก็คล้ายกันคือเดิม สหภาพยุโรปนำเข้าก๊าซรัสเซีย 40% ของปริมาณที่ใช้ แต่เมื่อยุโรปคว่ำบาตรรัสเซียก่อน ราคาก๊าซใน EU และอังกฤษก็พุ่งสูงขึ้น แม้ว่าอังกฤษจะนำเข้าก๊าซรัสเซียเพียง 4% ก็ไม่รอด เพราะระบบก๊าซยุโรปใช้ตลาดก๊าซเดียวกัน คือนำเข้าจากสหรัฐฯ จึงส่งผลให้ก๊าซแพงทั้งทวีป ดังนั้นการที่สหภาพยุโรปนำเข้าแร่ยูเรเนียมรัสเซียถึง 20% เมื่อยุโรปยังคงส่งอาวุธ และทหารรับจ้างไปยูเครน เป็นปฏิปักษ์กับรัสเซีย
จนเสี่ยงถูกสวนกลับโดยลดการส่งออกแร่ยูเรเนียมให้กับ EU ก็จะวนกับไปปัญหาวิกฤตพลังงานจากแร่ยูเรเนียมขึ้นมาซ้ำเติมวิกฤติขาดแคลนพลังงานก๊าซ และน้ำมัน อีก สหราชอาณาจักร วางแผนที่จะขยายจำนวนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อย่างมากโดยมีแผนการจัดตั้งหน่วยงานรัฐบาลใหม่ Great British Nuclear และกองทุน Future Nuclear Enabling Fund มูลค่า 120 ล้านปอนด์
เพื่อสร้างเครื่องปฏิกรณ์ใหม่ 8 เครื่องทั่วสหราชอาณาจักร และสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ ลงทุนไป 700 ล้านปอนด์ ผลิตกระแสไฟฟ้า 20% จากนิวเคลียร์ เพิ่มเป็น 25% ภายในปี 2025 หวังใช้พลังงานราคาไม่แพง และปลอดภัย ร่วมกับพลังงานลมนอกชายฝั่งในทศวรรษหน้า
แต่คำถามใหญ่ คือ รัสเซีย คือเจ้าพ่อครองตลาดโลกแร่ยูเรเนียมนิวเคลียร์ คู่แข่งทางการค้าน้อยมาก หรือจะเรียกว่าควบคุมตลาดโลกก็ว่าได้ แค่ลดการส่งออกไปยุโรป แล้วเปลี่ยนเส้นทางไปเอเซีย ตะวันออกกลาง แอฟริกาแทน แค่นี้ก็สามารถดันราคาตลาดแร่ยูเรเนียมในยุโรปให้แพงขึ้นกว่าทวีปอื่น ดันค่าไฟฟ้าแพงขึ้น อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นมากกว่าตอนนี้อีกก็ทำได้ การเป็นปฏิปักษ์กับรัสเซีย จะทำให้ยุโรป มีแต่ทรงกับทรุด เศรษฐกิจจะโงไม่ขึ้นแน่นอน