ชาวโลกรุมยี้! เซเลนสกี “บุคคลอันตราย” หิวเงินมากกว่าสันติภาพ! ปั่นหัวต่อต้านรัสเซีย ดึงยุโรปเข้าสู่ความขัดแย้ง
จากกรณีที่ชาวยูเครนหลายล้านคนที่ยังคงไม่มีไฟฟ้าและพลังงานความร้อน เนื่องจากการปฏิบัติการรบในช่วงเวลาที่พยากรณ์อากาศคาดการณ์ว่า อุณหภูมิของอากาศจะต่ำลงต่อเนื่อง ต่อมานายกรัฐมนตรียูเครน Denys Shmygal ได้เปิดเผยว่า การทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานเกือบ 50% ของประเทศ รวมถึงความร้อน โรงไฟฟ้า โรงไฟฟ้าพลังความร้อน และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ อันมีผลมาจาการโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซีย
ต่อมาทาง Blockdit Wprld Update ได้โพสต์ข้อความถึงสถานการณ์ล่าสุดในยูเครน ที่ต้องเชิญกับภัยในฤดูหนาว โดยบอกว่า กองทัพยูเครน ที่ชอบทะเลาะกับสะพานและอาคาร ได้ยิงจรวด 15 ลูกใส่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซีย มี 6 ลูกโจมตีแท๊งค์หล่อเย็นเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์รั่วไหล อีก 2 ลูกโจมตี โรงเก็บกากนิวเคลียร์ ถ้านิวเคลียร์รั่วไหลรุนแรงจะเกิดผลกระทบไปถึงพื้นที่ภาคกลางและตะวันตกยูเครน รวมถึงอีกหลายประเทศยุโรปตะวันออก เช่น โรมาเนีย มอลโดวา ฮังการี บัลแกเรีย โปแลนด์
ภายหลังยูเครนยิงจรวดจากระบบป้องกันภัยทางอากาศ S – 300 จำนวน 2 ลูกไปลงโปแลนด์ จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่เคยมีการแถลงข่าวยอมรับความผิดพลาด และขออภัยต่อชาวโปแลนด์ อย่างเป็นทางการ พร้อมชดใช้กับญาติผู้เสียชีวิต สร้างความหวาดระแวงและไม่พอใจให้ชาวยุโรปมากขึ้นเรื่อยๆ มองว่ายูเครน ทำทุกอย่างตามแต่ใจเพื่อต้องการลากยุโรปไปร่วมสงครามโดยตรง ทั้งๆ ที่ยุโรปก็ให้กู้อาวุธเก่าเก็บ และเงินกู้มากมายให้ยูเครนไปแล้ว จนยุโรปเองก็ย่ำแย่
นาย Andriy Yermak หัวหน้าสำนักงานประธานาธิบดียูเครน คุยโวว่า รัฐบาลยูเครน วางแผนเปิดปฏิบัติการใหญ่บุกยึดไปถึงดินแดนไครเมียในเร็วๆ นี้
นายดมิตรี เมดเวเดฟ ประธานสภาความมั่นคงรัสเซีย สวนกลับว่า อยากเตือนความจำที่เป็นรูปธรรม คือ กรุงเคียฟเคยเป็นเมืองหลวงของรัสเซียยุคโบราณ , กรุงเคียฟเป็นเมืองเล็กๆ สมัยอยู่ในจักรวรรดิรัสเซีย กรุงเคียฟเป็นเมืองหลวงของพรรครีพลับลิกัน สหรัฐฯ และท้ายที่สุดกรุงเคียฟ เป็นเพียงเมืองหนึ่งของรัสเซียที่คนคิดและพูดภาษารัสเซียเสมอที่สุดฮาคือ นายเมดเวเดฟ โพสทางโซเชียล เหน็บโปแลนด์อย่างแสบสันต์ว่า “รัสเซียสนับสนุนให้โปแลนด์มีระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ทรงพลังที่สุด เพื่อปกป้องตัวเองจากการรุกรานของยูเครน”
ปกติแล้วสื่อตะวันตก จะโจมตีรัสเซียฝ่ายเดียว โดยไม่โจมตียูเครน แต่ขณะนี้มีสัญญาณแปลกขึ้นจากสื่อตะวันตกบางแห่ง เช่น สื่ออิตาลี ที่โจมตีประธานาธิบดีเซเลนสกี้ แห่งยูเครนอย่างดุเดือดว่า “ชายผู้นี้อันตราย แสร้งทำเป็นไม่รู้ที่มาจรวดโจมตีโปแลนด์ เรียกร้องให้ทุกคนต่อต้านรัสเซีย พยายามดึงทุกฝ่ายไปเริ่มWW 3 เขาสนใจเงินทำสงครามมากกว่าสันติภาพ”
นาย Timchenko ผู้อำนวยการ DTEX ระบบไฟฟ้ายูเครน ระบุว่าขณะนี้ระบบพลังงานไฟฟ้าของยูเครนพังและปิดระบบไปราว 50% เพื่อลดภาระจากระบบไฟฟ้าของประเทศ ชาวยูเครนควรพิจารณาอพยพออกไปจากยูเครนช่วงฤดูหนาว นั่นหมายความว่าต้องไปอาศัยใช้ไฟฟ้าของประเทศอื่นนั่นเอง
ด้านนาง Irina Vereshchuk รองนายกรัฐมนตรียูเครน ประกาศว่าจำเป็นต้องอพยพประชาชนย้ายจากเมืองเคอร์ซอน ขอให้ประชาชนที่แจ้งความต้องการที่จะอพยพ ทางการยูเครน จะช่วยจัดยานพาหนะขนย้าย เมืองนี้เคยมีข่าวใหญ่ทหารรัสเซียถอนกำลังข้ามแม่น้ำดนีเปอร์ไปอยู่ฝั่งตะวันออกแล้ว ในเมืองไม่มีอะไรเหลือใช้งานด้านพลังงาน และน้ำประปาดื่มอุปโภคบริโภค ระบบสื่อสารจึงใช้การไม่ได้อย่างสิ้นเชิง
คาดว่าจะอพยพพลเรือนไปอยู่ในแคว้นนิโคลาเยฟที่อยู่ใกล้เคียงกัน เพราะอาจมีน้ำดื่มพร้อมกว่า ที่ผ่านมารัสเซียอพยพพลเรือนในเมืองเคอร์ซอนข้ามแม่น้ำดนีเปอร์ไปแล้วราว 110,000 รายเพื่อลดความเสี่ยงน้ำท่วมจากการทำลายเกตต์เวย์ประตูกั้นน้ำเขื่อนโนวาคาคอฟกา และภัยหนาว จึงเหลือพลเรือนอยู่ในเมืองไม่มากนัก ผู้ชายอายุ 18 – 60 ปี ทุกคนที่เหลือในเมือง เพิ่งถูกหมายเรียกทางการยูเครนไปเกณฑ์ทหารออกรบแนวหน้า ทั้งที่ช่วงทหารรัสเซียอยู่ พวกเขาไม่เคยถูกเกณฑ์ไปรบ
การอพยพจึงน่าจะเป็นผู้หญิง และเด็กเป็นหลัก แค่ไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น เพราะเมืองเคอร์ซอนตอนนี้มีแต่อาคาร แต่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกตามมาตรฐานอะไรเลย พวกหน่วยบรรเทาทุกข์ก็เอาเสื้อผ้าและขนม น้ำดื่ม มาแจกเพียงเล็กน้อยครั้งคราวเท่านั้น ชาวบ้านชราบางคนก็ไม่ชอบอาหารที่แจก ยูเครน อาจจะมองว่าเมืองเคอร์ซอนไม่คุ้มค่าที่ยึดเมืองไว้ น้ำดื่ม ไฟฟ้าไม่มี ต้องนำทหารจำนวนมากมาคอยเฝ้ารักษาเมืองเปล่า ที่เต็มไปด้วยกับดักระเบิด และรัสเซีย ก็ส่งโดรนกามิกาเซ่มาโจมตีทหารยูเครนบ่อยครั้ง มีอันตรายมากเกินไป
ในขณะที่ช่วงนี้กองทัพรัสเซีย กำลังบุกขึ้นไปจากทางภาคกลางโดเนตสก์ ทางยูเครน จึงต้องเคลื่อนกำลังทหารไปช่วย และยอมทิ้งเมือง ตอนที่รัสเซียอพยพพลเรือนกว่าแสนคน สื่อตะวันตกประโคมข่าวใหญ่ว่าแพ้แล้ว คราวนี้ทางการยูเครน ประกาศให้พลเรือนอพยพออกจากประเทศตนเพื่อหนีหนาวไปยังประเทศอื่น และอพยพทิ้งเมืองเคอร์ซอน