ชาติตะวันตกเจ็บสองเด้ง! ไม่กล้ายึดทรัพย์รัสเซียให้ยูเครนกลัวถูกแห่ถอนเงิน-ปูตินยึดทรัพย์บริษัทมาลงทุนในปท.

0

จากที่วันนี้ 21 พฤศจิกายน 2565 Blockdit WorldUpdate เปิดเผยข้อมูลถึงสถานการณ์ของยูเครนที่ย่ำแย่อย่างหนัก เมื่อปรากฏว่าประชาชนอพยพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งภาวะการเงินที่ต้องร้องขอชาติยุโรป แต่ก็ไม่มีใครกล้ายึดทรัพย์ของรัสเซียมาให้

ทั้งนี้ Blockdit WorldUpdate ได้โพสต์ข้อความโดยระบุแหลงที่มาไว้อย่างน่าติดตามเกี่ยวกับเหตุการณ์ของยูเครนในขณะนี้ว่า “ปัญหาใหญ่ที่สุดของยูเครนอาจไม่ใช่กองทัพรัสเซีย แต่คือการรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจของตน และความช่วยเหลือเงินกู้ อาวุธจำนวนมากที่ผ่านมา ความต้องการมากขึ้นเรื่อยๆของยูเครน อาจลดน้อยลงและสิ้นหวัง เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ชาติตะวันตกถูกดึงมาติดหล่มสงครามจนพลอยย่ำแย่

มีความพยายามจะยึดทรัพย์สินของรัสเซียในชาติตะวันตกราว 17,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 608,600 ล้านล้านบาท) เอามาจ่ายค่าอาวุธให้ยูเครน แต่สิ่งนี้ไม่ง่ายเพราะจะมีอุปสรรคทางกฎหมายมากมาย  เช่น ถ้ายึดจากธนาคารในสวิสเซอร์แลนด์ จะทำให้สวิสฯ ขาดความเชื่อถือเสี่ยงจะถูกตอบโต้จากชาติพันธมิตรรัสเซียร่ำรวยในตะวันออกกลาง หรือแอฟริกา  แห่กันถอนเงินฝากของชาติตนพร้อมกัน หายนะใหญ่ต่อระบบธนาคารสวิสฯ จะสูญสิ้นลงทันที

และรัสเซีย ก็จะตอบโต้โดยยึดทรัพย์ของบริษัทชาติตะวันตกที่เคยลงทุนมหาศาลไว้ในรัสเซียตกเป็นของรัฐเพื่อชดเชยเช่นกัน ทำให้ชาติตะวันตกเสียหาย 2 ต่อโดยไม่ได้อะไรติดมือเลย และบอบช้ำหนัก

ธนาคารโลก คาดการณ์ว่า GDP ของยูเครนจะหดตัวลง 35%ในปีนี้ และคาดการณ์ว่าปีหน้าอาจหดตัวมากถึง 40 % แม้ว่าธนาคารแห่งชาติของยูเครน จะคาดการณ์เข้าข้างตัวเองว่า GDP ทางเศรษฐกิจจะกลับมาเท่าก่อนสงครามอีกครั้งในปี 2023 แต่ในข้อเท็จจริงแทบไม่มีโอกาสนั้นเพราะมี 4 ดินแดน 18% ที่เป็นแหล่งรายได้ทางเศรษฐกิจได้ทำประชามติแยกเอกราชออกจากยูเครน พร้อมพลเมืองอีก 8.8 ล้านคนตัดออก แล้วโยกทรัพย์สิน และ GDP ส่วนนี้ไปเติมให้รัสเซียตามกฎหมายไปแล้ว

ปัจจุบันคลังยูเครน ยังขาดดุลงบประมาณราว 5,000 ล้านดอลลาร์/เดือน (179,000 ล้านบาท) หรือเป็นหนี้เพิ่มรายเดือน ทำให้รัฐบาลยูเครน ยังคงขอเงินฉุกเฉินจากขาติตะวันตกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)

นายกรัฐมนตรีเดนิส ชมีฮาล แห่งยูเครน ยอมรับว่า ผลต่างช่องว่างระหว่างรายจ่ายที่มาก และรายได้ที่ต่ำ ในปีหน้า 2023 ยูเครนจะต้องใช้เงินกู้ช่วยเหลือรายจ่ายประจำ 42,000 ล้านดอลลาร์ (1.5 ล้านล้านบาท)

โดยประธานาธิบดีเซเลนสกี ขอเงินกู้เพิ่มต่างหากอีก 17,000 ล้านดอลลาร์ (608,600 ล้านบาท) อ้างว่าจะใช้สร้างโรงไฟฟ้าและที่อยู่อาศัยที่เสียหายหรือถูกทำลายขึ้นใหม่

เมื่อรวมกันแล้วจำนวนเงินกู้ฉุกเฉินที่ต้องการเหล่านี้ แต่ยังไม่ได้รวมเงินกู้ค่าอาวุธ จะเท่ากับเกือบ 30% ของ GDP ปัจจุบันของยูเครน แต่ในปีหน้า GDP ยูเครนจะหดตัวลง 40% ทำให้ไม่มีรายได้เพียงพอจะชำระเงินกู้และดอกเบี้ยระยะสั้น

เดือนกันยายนที่ผ่านมา ยูเครนขาดดุลการค้าต่างชาติเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวมากถึง 6,100 ล้านดอลลาร์ (218,400 ล้านบาท) โดยในปี 2021 ที่ผ่านมายูเครน เคยมีรายได้จากส่งออกสินค้าเกษตรมูลค่า 27,800 ล้านดอลลาร์ (995,200 ล้านบาท) คิดเป็น 41% ของการส่งออกทั้งหมดได้รับผลกระทบหนักเป็นพิเศษ

ตั้งแต่ ก.ค.เป็นต้นมา ข้อตกลงสหประชาชาติ และตุรกี กับรัสเซีย ให้ส่งออกอาหารธัญพืชของยูเครนส่งออกอาหารต่างๆ ไปแล้วกว่า 11 ล้านตัน แต่ปริมาณดังกล่าวก็ลดลงเหลือ 50% ของปีที่ผ่านมา รายได้ยูเครนส่งออกอาหารให้ยุโรปจึงหายไป 50% ด้วย

โปแลนด์ เยอรมนี และฮังการี กำลังเผชิญคลื่นผู้ลี้ภัยชาวยูเครนที่มากขึ้นเรื่อยๆ  ต้องมีค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูมหาศาล จนชาวยุโรปชาติต่างๆ เริ่มไม่เป็นมิตรต่อผู้ลี้ภัยยูเครนที่หลั่งไหลมาเยอะมากขึ้น

สรุปปัญหารัฐบาลยูเครน ยามนี้ คือ ที่หนักกว่าสงครามคือ ภัยพิบัติทางเศรษฐกิจ ขาดรายได้ส่งออก , ขาดดุลการค้า , ขาดเงินใช้รายจ่ายประจำรายเดือน , ขาดพลังงาน ,  การว่างงานสูง , ขาดสวัสดิการ , ผิดนัดชำระหนี้ นายทุนเงินกู้ตะวันตกไม่ค่อยอยากให้กู้เพิ่ม”