ท้ารบ!? คิมไม่ทนยิงขีปนาวุธสู่ทะเลญี่ปุ่น เตือนเดือดกล้าลุยไม่ต้องท้า หลังเมกา-เกาหลีใต้-ญี่ปุ่นแทคทีมขู่ใช้นิวเคลียร์

0

สหรัฐญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ได้ประกาศร่วมมือกันตั้งเป้าเล่นงานเกาหลีเหนือเต็มรูปแบบ รวมถึงใช้อาวุธนิวเคลียร์ ทำให้เกิดปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างรุนแรงของเกาหลีเหนือ โดยยิงขีปนาวุธที่ไม่ระบุชื่อไปยังทะเลญี่ปุ่นเมื่อวันพฤหัสบดี เสนาธิการร่วมของเกาหลีใต้ (JCS) ออกมายืนยันว่า ขีปนาวุธดังกล่าวถูกยิงออกจากชายฝั่งตะวันออกของเกาหลีเหนือ

วันที่ ๑๗ พ.ย.๒๕๖๕ สำนักข่าวโกลบัลนิวส์และสปุ๊ตนิกรายงานว่า  โช ซอน เว้ รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือ(North Korean Foreign Minister Choe Son Hue) แถลงเตือนว่า “การประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐฯ-เกาหลีใต้-ญี่ปุ่นเมื่อเร็วๆ นี้จะทำให้ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี คาดเดาไม่ได้มากขึ้น”

เขากล่าวว่า “ยิ่งสหรัฐฯ กระตือรือร้นที่จะเสนอการเสริมการป้องปรามที่ยาวนานขึ้น แก่พันธมิตร และยิ่งพวกเขาเพิ่มกิจกรรมทางทหารที่เป็นการยั่วยุและประจบประแจงบนคาบสมุทรเกาหลีและในภูมิภาค การตอบโต้ทางทหารของเกาหลีเหนือ ที่ดุเดือดก็จะยิ่งส่งผลโดยตรง ตามสัดส่วนของมัน” โชกล่าวอีกว่า  “มันจะเป็นภัยคุกคามที่รุนแรง สมจริง และหลีกเลี่ยงไม่ได้ต่อสหรัฐฯ และกองกำลังของบริวาร”

ถ้อยแถลงของโช เป็นการตอบโต้อย่างเป็นทางการครั้งแรกของเกาหลีเหนือต่อการประชุมสุดยอดไตรภาคีของปธน.โจ ไบเดนแห่งสหรัฐฯกับเกาหลีใต้และญี่ปุ่นในการประชุมนอกรอบ ซัมมิตอาเซียนที่กัมพูชาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในแถลงการณ์ร่วมของพวกเขา ผู้นำทั้งสามประณามอย่างรุนแรงต่อการทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือเมื่อเร็วๆ นี้ และตกลงที่จะทำงานร่วมกันเพื่อเสริมสร้างการป้องปราม ขณะที่ไบเดนยืนยันความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ที่จะปกป้องเกาหลีใต้และญี่ปุ่นด้วยขีดความสามารถเต็มรูปแบบ รวมถึงอาวุธนิวเคลียร์

โชไม่ได้ระบุเจาะจงว่าเกาหลีเหนือจะดำเนินการอย่างไรต่อไป  แต่กล่าวว่าสหรัฐฯ “จะตระหนักดีว่าเป็นการวางเดิมพันครังใหญ่กับเรา ซึ่งจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน”

นอกจากนี้เกาหลีเหนือยังวิพากษ์วิจารณ์ญี่ปุ่น ในประเด็นการบีบคั้นกดขี่ชาวเกาหลีเชื้อสายเปียงยางที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่น ในระหว่างการประณามนั้น ซึ่งเผยแพร่โดยสำนักข่าวกลางเกาหลีอย่างเป็นทางการ 

ในถ้อยแถลงเมื่อวันพฤหัสบดีของโชกล่าวว่า “สหรัฐฯ และผู้ติดตามจัดฉากการซ้อมรบขนาดใหญ่เพื่อการคุกคามต่อเกาหลีเหนือครั้งแล้วครั้งเล่า แต่พวกเขาไม่สามารถยับยั้งการตอบโต้อย่างท่วมท้นของเกาหลีเหนือได้”

เกาหลีเหนือได้วิจารณ์การประชุมสุดยอดไตรภาคีระหว่างสหรัฐฯ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายนที่กัมพูชาว่าเป็นการเปิดหน้าร่วมกันต่อต้านเกาหลีเหนืออย่างโจ่งแจ้ง

ในระหว่างการประชุมสุดยอดไตรภาคี ผู้นำของทั้งสามประเทศวิพากษ์วิจารณ์การทดสอบอาวุธล่าสุดของเกาหลีเหนือตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ กล่าวในที่ประชุมว่าทั้ง ๓ ประเทศ “มีความสอดคล้องกันมากกว่าที่เคยในการต่อต้านเปียงยาง”

สหรัฐอเมริกาพบกับผู้นำจีนในวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน หลังจากที่ไบเดนพบกับสี จิ้นผิง เขากล่าวว่าเขาได้ชี้แจงกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนอย่างชัดเจนว่าจีนมีหน้าที่กดดันเกาหลีเหนือให้ดำเนินการอย่างมีความรับผิดชอบ 

ด้านเกาหลีใต้พบกับผู้นำจีนในวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ในการประชุมสุดยอดเกาหลี-จีน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ยุน ซุก-ยอล ขอให้จีนมีบทบาทมากขึ้นในประเด็นช่วยปรามการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือด้วย

กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้กล่าวว่าขีปนาวุธดังกล่าวเป็นขีปนาวุธระยะสั้นที่ยิงจากเมืองวอนซาน (Wŏnsan) เมืองท่าในจังหวัดคังวอน (Kangwŏn)ของเกาหลีเหนือ เมื่อเวลา ๑๐.๔๘ วันนี้

ทางกองทัพเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า กำลังวิเคราะห์ชนิดของขีปนาวุธ รวมถึงจุดปล่อย ความเร็ว ระยะการบิน และระดับความสูง ซึ่งขณะนี้ขีปนาวุธลงจอดที่ไหนสักแห่งในทะเลตะวันออกของญี่ปุ่น

ด้านกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้กล่าวว่ากำลังเตรียมพร้อมและให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกองทัพสหรัฐฯที่จะตอบโต้การกระทำของเกาหลีเหนือ

ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา กองทัพเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ได้ขยายการฝึกซ้อมไตรภาคีกับญี่ปุ่นอีกครั้ง เพื่อตอบโต้การที่เกาหลีเหนือผลักดันการขยายคลังอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ อีกทั้งประกาศเป็นรัฐนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์ 

 

การซ้อมรบดังกล่าวเกี่ยวข้องกับเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯ และเครื่องบินทิ้งระเบิดความเร็วเหนือเสียง B-1B ของสหรัฐฯ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี ๒๕๖๐ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ในสมัยอดีตปธน.ทรัมป์ การฝึกทางทหารประจำปีระหว่างโซลและวอชิงตันถูกลดขนาด หรือยกเลิก เพื่อสนับสนุนการทูตรวมชาติระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้  และแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ทาถึงสมัยของปธน.ไบเดน สหรัฐได้เปลี่ยนท่าทีเข้ามาแทรกแซงหนักขึ้นในช่วงเวลาของการเปลี่ยนผู้นำเกาหลีใต้  วันนี้ความหวังที่จะเกิดการรวมชาติสองเกาหลีเป็นอันต้องดับลงอย่างสิ้นเชิง

ดูเหมือนว่าการกระตุ้นจุดวาบไฟในคาบสมุทรเกาหลี จะทวีความเข้มข้นและตึงเครียดมากขึ้นเพราะเกาหลีเหนือสายแข็งยอมหักไม่ยอมงอ ขณะที่คำถามไต้หวันถูกเก็บเข้าลิ้นชักชั่วคราวเพื่อสร้างภาพในการพบปะกันครั้งแรกระหว่างไบเดนและสี จิ้นผิงและจีนใช้ท่าทีอ่อนนอกแข็งใน!!??