จีน-รัสเซียขำลั่น! นาซ่าส่งจรวดส่องดวงจันทร์ ยานลงจอดไม่ได้ ทำได้แค่โคจรด้านมืด ส่อกลับบ้านมือเปล่าอีก
จากกรณีที่วันนี้ (17 พฤศจิกายน 2565) ทาง Blockdit World Update ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีที่สหรัฐฯ ส่งจรวดขึ้นไปส่องดวงจันทร์ในรอบ 50 ปี ระยะห่างกว่า 60,000 กม. โดยอ้างอิงจาก Reuters และ NASA ระบุเนื้อหาบางส่วนว่า
ยาน Apollo ทั้ง 6 ลำได้ขนหินดวงจันทร์มาโลกรวมเกือบ 400 กก. แต่น่าแปลกที่หินเหล่านั้นแจกไปกว่า 100 ประเทศ ได้ทะยอยอันตรธานสูญหายไป แม้แต่ในกรุงเทพของไทยก็ถูกโขมยหายไปด้วย ส่วนในอังกฤษ ยุโรป หลายชาติก็บอกว่ามีของ แต่ไม่กล้านำออกมาจัดแสดงต่อสาธารณะ มีเพียงพิพิธภัณฑ์เนเธอร์แลนด์ประเทศเดียว ที่ออกมาแถลงว่าหินดวงจันทร์ที่ได้รับจากสหรัฐฯ นั้นเป็น “หินดวงจันทร์เทียม” แท้จริงเกิดจากไม้กลายเป็นหินแถวทะเลทรายบนโลกเท่านั้น
จากวันนั้นมายาวนานถึง 50 ปีจนบัดนี้ สหรัฐฯ ก็ไม่เคยหวนคืนส่งมนุษย์อวกาศไปดวงจันทร์อีกเลย และปี 1986 สหรัฐฯ เคยมีประสบการณ์ฝังใจที่เจ็บปวดส่งยานอวกาศชาเลนเจอร์ พร้อมนักบิน 7 ราย ทดลองใช้จรวดผลิตเอง SRB ที่ไม่ใช้เครื่องยนต์ขับดัน RD-180 ของรัสเซีย แล้วเกิดเหตุร้ายรอยรั่วเชื้อเพลิงระเบิดกลางอากาศ จนนักบินเสียชีวิตทั้งหมด ทำให้ยิ่งตอกตะปูปิดแผนส่งมนุษย์อวกาศไปดวงจันทร์
หลายปีที่ผ่านมาองค์การอวกาศสหรัฐฯ (NASA) พยายามส่งจรวด SLS นำยาน Artemis1 ขึ้นจากผิวโลกขึ้นไป โดยมี “มนุษย์เทียม” ไปด้วย แต่โครงการเพิ่งมาจริงจังในปีนี้ แต่ต้นปีมาก็เกิดปัญหาอุปสรรคสารพัดของเชื้อเพลิงเครื่องยนต์รั่ว และพายุเข้า
สร้างแรงกดดันให้สหรัฐฯ อย่างมาก เพราะจีน กับ รัสเซีย ที่เป็นคู่แข่งได้ปล่อยยานอวกาศขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก ออกนอกโลกกันแทบทุกวันเป็นว่าเล่น แถมจีนยังสร้างสถานีอวกาศเป็นของตนเอง และส่งรถโรเวอร์ไปสำรวจผิวดวงจันทร์ดวงจันทร์ด้านมืด ประกาศพบธาตุพลังงาน และธาตุใหม่นอกตารางธาตุ
สิ่งนี้ทำให้สหรัฐฯ ต้องแก้หน้าให้ได้ ล่าสุดวันที่ 16 พ.ย.2022 ที่ผ่านมา องค์การอวกาศสหรัฐฯ (NASA) ได้ปล่อยจรวด SLS ที่ใช้เวลาพัฒนายาวนานกว่า 10 ปี ขึ้นจากฐานปล่อยที่ศูนย์อวกาศเคนเนดีในรัฐฟลอริดา นำยาน Orion ในโครงการ Artemis1 บรรทุก “มนุษย์อวกาศเทียม” มุ่งไปยังดวงจันทร์
ยานนี้ไม่ได้ออกแบบให้จอดลงบนผิวดวงจันทร์ เพียงแต่จะโคจรวนส่องดูอย่างห่วงๆ อยู่ห่างๆ ระยะทางด้านมืดของดวงจันทร์ราว 64,000 กิโลเมตร ไกลกว่ายานที่มีนักบินอวกาศ Apollo เคยโคจรมาก่อน และไกลมากกว่าระยะทางจากไทย ไปสหรัฐ กว่า 4.6 เท่า
โดยปกติดาวเทียมที่โคจรรอบโลก เพื่อใช้กล้องส่องลงมาสำรวจต่างๆ จะมีระยะความสูงจากผิวโลกที่ 500 กม.ระยะแค่นี้ก็แทบจะไม่เห็นหินก้อนเล็กแล้ว แต่ยาน Orion โคจรห่างจากดวงจันทร์ด้านมืดถึง 64,000 กม. ระยะห่างจากโลกไปดวงจันทร์คือ 384,400 กม.เท่านั้น หมายถึงยาน Orion สหรัฐฯ อยู่ห่างไกลจากด้านมืดดวงจันทร์ไกลมากๆ จึงไม่อาจคาดหวังส่องกล้องเก็บภาพอะไรได้ชัดเจนนัก
โครงการ Artemis1 จะใช้เวลาทั้งหมดราว 25 วัน จากนั้นยาน Orion ก็จะเดินทางกลับบ้านมือเปล่า ตกลงในมหาสมุทรแปซิฟิกบนโลกในวันที่ 11 ธ.ค.นี้ โดยสหรัฐฯ ฝันว่าประสบการณ์ส่งมนุษย์เทียมไปวนรอบดวงจันทร์คราวนี้ จะทำให้ส่งมนุษย์อวกาศจริงไปลงที่ด้านมืดดวงจันทร์ในปี 2025 อีก 2 ปีข้างหน้า
องค์การอวกาศจีน (CNSA) มีโครงการอวกาศใช้ จรวดซุปเปอร์เฮฟวี่ลิฟรุ่นใหม่สามารถบรรทุกน้ำหนัก 100 ตันไปยังสำรวจดวงจันทร์ระยะที่ 4 แล้ว ประกอบด้วยยานฉางเอ๋อ 6 , 7 และ 8 ดำเนินการต่อเนื่อง 10 ปี โดยมีเป้าหมายเพื่อสำรวจบริเวณขั้วใต้ของดวงจันทร์และสร้างโครงสร้างพื้นฐานอาคารถาวรสำหรับสถานีวิจัย ILRS ร่วมกับองค์การอวกาศรัสเซีย Roscosmos นั่นหมายความว่าในเวลา 10 ปีนี้ สหรัฐฯ จะยังคงไล่ตามความก้าวหน้าด้านอวกาศจีนและรัสเซียยังไม่ทัน
สำหรับการสำรวจและตั้งสถานีวิจัยถาวรบนดวงจันทร์ด้านมืด เนื่องจากจีนไป Servey สำรวจสถานที่หน้างานจริง เตรียมอุปกรณ์มานานถึง 5 ปีแล้ว แต่สหรัฐยังไม่ได้เริ่มนับหนึ่งส่งยานหรือรถโรเวอร์ลงไปสำรวจผิวดวงจันทร์ด้านมืดจริงๆ เลยแม้แต่ครั้งเดียว
