เกินคุ้ม!! ไทยเตรียมต้อนรับวีไอพีโลก แค่ซาอุฯกับจีนดันศก.ไทยก้าวกระโดด ที่เหลือต้องระวังอันธพาลป่วน

0

อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ก็จะมีการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเซีย-แปซิฟิก หรือ “เอเปค” ซึ่งจะเริ่มอย่างเป็นทางการในวันที่ ๑๘-๑๙ พฤศจิกายนนี้ โดยในการประชุมวันนั้นจะมีผู้นำและตัวแทนจำนวน ๒๑ เขตเศรษฐกิจเข้าร่วม อย่างไรก็ดีที่ต้องจับตาหรืออาจจะต้องไฮไลท์ไปที่การหารือแบบทวิภาคีกับผู้นำบางประเทศทั้งที่เป็น “แขกรับเชิญพิเศษ” และผู้นำที่มาร่วมประชุมเอเปค แต่แยกออกมาหารือต่างหาก เช่นปธน.สี จิ้นผิงของจีน และเจ้าชายซัลมานแห่งซาอุดิอาระเบีย ทั้งสองประเทศแสดงท่าทีตลอดว่า ให้ความสำคัญกับประเทศไทยมาก การร่วมมือทางเศรษฐกิจด้านการค้า การลงทุนและการส่งออก ตลอดจนการท่องเที่ยวล้วนเป็นเสาหลักของรายได้ของประเทศ  ความร่วมมือที่เพิ่มขึ้นทั้งในระยะกลางและระยะยาว ก็สามารถสร้างความมั่นคงทางรายได้แก่ประเทศไทยอย่างที่เพื่อนบ้านทั้งหลายต่างพากันตื่นเต้นไปด้วย

ในขณะที่ผู้นำมหาอำนาจเศรษฐกิจรายใหญ่ฝั่งตะวันออกต่างให้ความสำคัญกับประเด็นเศรษฐกิจกับไทย แต่สหรัฐกลับส่งนางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีมาเน้นคุยเรื่องเมียนมากับนายกฯระหว่างร่วมเอเปค รับไม้ต่อจากไบเดนมาเข่นไทยเหมือนการประชุมที่เวทีอาเซียนอีก เป็นการปักหมุดวาระวอชิงตันอย่างไม่ลดละ

วันที่ ๑๖ พ.ย.๒๕๖๕ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นอกเหนือจากกรอบการประชุมเอเปกในช่วงสัปดาห์การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ยังมีกำหนดการต้อนรับผู้นำในการเยือนประเทศไทย และการหารือแบบเต็มคณะที่ทำเนียบรัฐบาล 

วันที่ ๑๖ พ.ย. ช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการต้อนรับการมาเยือนอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดี เหวียน ซวน ฟุก ของเวียดนาม พร้อมมีการหารือทวิภาคี การเป็นสักขีพยานในพิธีแลกเปลี่ยนความตกลงและบันทึกความเข้าใจ การแถลงข่าวร่วม และเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำแก่ผู้นำเวียดนามและภริยา

วันที่ ๑๘ พ.ย. ช่วงค่ำ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการรับเสด็จฯเยือนอย่างเป็นทางการของ เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีซาอุดีฯ พร้อมมีการหารือทวิภาคี พิธีการแลกเปลี่ยนความตกลงและบันทึกความเข้าใจ และเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงถวายพระกระยาหารค่ำแก่มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย

และวันที่ ๑๙ พ.ย.ช่วงเที่ยง นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการต้อนรับการมาเยือนขอประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน พร้อมมีการหารือทวิภาคี พิธีการแลกเปลี่ยนความตกลงและบันทึกความเข้าใจ และเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันแก่ผู้นำจีนและภริยา

นอกจากการหารือแบบเต็มคณะกับ 3 ประเทศนี้แล้ว นายกรัฐมนตรียังมีกำหนดการหารือทวิภาคีกับแขกพิเศษของรัฐบาล รวมถึงผู้นำและผู้แทนเขตเศรษฐกิจเอเปคที่ทำเนียบรัฐบาลเพิ่มเติมคือ

วันที่ ๑๗ พ.ย. ช่วงสาย นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการหารือทวิภาคีกับนายเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งฝรั่งเศส พร้อมเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน และช่วงเย็น พบหารือทวิภาคีกับ นายคิชิดะ ฟูมิโอะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ณ ทำเนียบรัฐบาล 

วันที่ ๑๘ พ.ย.เวลาช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการหารือทวิภาคีกับนางคริสตาลินากอร์เกียวา กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF) ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

และวันที่ ๑๙ พ.ย.เวลาช่วงเช้า นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการหารือทวิภาคีกับนายแอนโทนี แอลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย และการหารือทวิภาคีแบบสั้นในช่วงการประชุมฯ (Pull-aside) กับนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และช่วงเย็น พบหารือทวิภาคีกับนางคามาลา เดวี แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯณ ทำเนียบรัฐบาล

นายอนุชา กล่าวว่า “การเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคของไทย ตลอดจนการพบหารือกับผู้นำประเทศต่างๆ นี้ เป็นช่วงเวลาสำคัญของไทยที่จะแสดงบทบาทในเวทีระหว่างประเทศ เป็นโอกาสให้ได้กระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันกับผู้นำแบบพบหน้ากัน (In person) และเป็นโอกาสให้ได้ขยายความร่วมมือกับมิตรประเทศ การเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทยจึงสะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไทยได้รับการยอมรับจากนานาชาติ และคงเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญในเวทีโลก รัฐบาลจึงหวังว่าทุกฝ่ายจะได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพพร้อมร่วมกันสร้างความประทับใจและความทรงจำที่ดีให้แก่ผู้นำ และผู้เข้าร่วมการประชุม ตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการประชุมฯครั้งนี้” 

ในการประชุมเอเปคครั้งนี้ โลกยังจับตาการหารือระหว่างไทยกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ที่เพิ่งเดินทางออกนอกประเทศในรอบหลายปี และจะเป็นการเยือนไทยครั้งแรกนับตั้งแต่ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำสมัยที่สาม เป็นการเยือนที่ไทยมีความคาดหวังอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ที่สำคัญคือเรื่องการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ที่มีแนวโน้มผ่อนคลายมากขึ้น

อีกประเด็นที่โลกจับตาติดตามอย่างมากคือ การพบกันระหว่างผู้นำจีนกับผู้นำญี่ปุ่นที่โลกคาดหวังว่า จะมีบรรยากาศเป็นบวกเหมือนที่ไบเดนเจอกับสี จิ้นผิง แม้ว่าจะฉาบหน้าด้วยรอยยิ้มปลอมๆก็ยังดีกว่าเข่นกันให้โลกใจระทึก ส่วนเรื่องในพื้นที่ของการเผชิญหน้าก็ว่ากันไปตามสถาณการณ์จริง!!!