สถานการณ์สู้รบในเคอร์ซอน เดือดไม่ยั้ง เมื่อยูเครนถือเป็นชัยชนะทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่โหมกระแสว่าจะยืดคืนให้หมดได้ในเร็ววัน ทั้งๆที่ยึดคืนเมืองหนึ่งเท่านั้นไม่ใช่ยึดคืนทั้งแคว้น แน่นอนสหรัฐและตะวันตกพากันยกย่องและประกาศจะทุ่มเงินและอาวุธเพิ่ม สหรัฐถึงกับประกาศจะส่งทหารเข้าสู่สนามรบแน่ โดยมีเงื่อนไขว่ารัสเซียต้องคาย ๔ แคว้นและไครเมียคืน สภาวะการณ์แบบนี้คงยากที่จะประนีประนอมกันตามที่สื่อตะวันตกโหมกระพือว่ามีการคุยกันและตกลงกันทางลับ
สำหรับเมืองเคอร์ซอนเป็นอดีตเมืองหลวงของแคว้นเคอร์ซอน เป็นเมืองที่กองทัพรัสเซียตัดสินใจทิ้งไว้ข้างหลังเพื่อรักษาชีวิตทหารและประชาชนรัสเซีย ส่วนชาวบ้านที่ไม่ยอมอพยพยังเลือกอยู่กับยูเครนก็ไม่แปลก เพราะผลการลงมติเข้ารวมรัสเซียสำหรับแคว้นเคอร์ซอนเห็นด้วย ๘๗% ส่วนที่เหลือ ๑๒% ก็ได้แสดงตนออกมาในครั้งนี้อย่างชัดเจน เมื่อไม่รักก็ไม่ว่าแต่การรบย่อมดำเนินต่อไป
ล่าสุดประกาศย้ายเมืองหลวงไปเฮนิเชสค์แล้ว เคอร์ซอนจึงเป็นเพียงเมืองหนึ่งที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ อินเตอร์เน็ตดับ การขนส่งสนับสนุนทั้งเสบียงอาหารและกำลังรบไม่สามารถทำได้สะดวกเพราะทหารรัสเซียยังไม่ได้ไปไหนแค่ย้ายไปอยู่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำดนิปเปอร์เท่านั้น ดมิทรี ซาคารุค(Dmtry Sakharuk) กรรมการบริหารบริษัทดีทีอีเค(DTEK) บริษัทจัดการพลังงานของยูเครนออกมาโอดโอยว่า “รัสเซียทำลายระบบพลังงานในเคอร์ซอนทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง และยังไม่อาจรับประกันว่าจะแก้ไขได้อีกนานเท่าใด”
ขณะที่หน้าหนาวยะเยือกมาเร็วกว่าที่คิด ทหารรัสเซียชำนาญการรบในอุณหภูมิที่ต่ำกว่าศูนย์องศา เมื่อโครงสร้างพื้นฐานของยูเครนถูกรัสเซียทำลายไปมากจนประชาชนจะอยู่ไม่ได้ในฤดูหนาวนี้ เพราะไม่มีไฟฟ้า เครื่องทำน้ำอุ่น หรือน้ำใช้ จะว่ารัสเซียโหดเกิดก็คงไม่ได้
สงครามยูเครนจะยิ่งดุเดือดยิ่งขึ้นในเดือนธันวาคมที่หนาวเหน็บจนอวัยวะทหารกลายอาจเป็นก้อนน้ำแข็งได้ ท่ามกลางสถานการณ์โดยรวม ทั้งโดเนตสก์-ลูฮันสค์ ซาโปริชเชีย กองกำลังผสมเคียฟ-นาโต้ถอยร่นถูกตีโต้กลับแพ้ทุกสมรภูมิ ขณะที่การขับเคี่ยวทางการเมืองในสหประชาชาติกำลังดุเดือด
วันที่ ๑๔ พ.ย.๒๕๖๕ สำนักข่าวทาซซ์และรัสเซียทูเดย์รายงานว่า การขับเคี่ยวในสหประชาชาติระหว่างรัสเซียกับเมกาและพันธมิตรเป็นไปอย่างเข้มข้น สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติจะเริ่มต้นการประชุมพิเศษในกรณีฉุกเฉินในยูเครนในวันที่ 14 พฤศจิกายน เพื่อลงคะแนนเสียงในร่างมติเรื่อง “การชดใช้” ต่อเคียฟ มติดังกล่าวยังเรียกร้องให้รัสเซียหยุดปฏิบัติการรบในยูเครนและถอนกำลังทหาร ร่างนี้ริเริ่มโดยประเทศตะวันตกโดยมีส่วนร่วมของยูเครน
ดมิทรี โปลยันสกี้(Ambassador Dmitry Polyanskiy),รองผู้แทนถาวรคนแรกของรัสเซียประจำสหประชาชาติ(Russia’s First Deputy Permanent Representative to the United Nations) กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า “สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติจะมุ่งความสนใจอีกครั้งในเรื่องการสั่งรัสเซียชดใช้ให้ยูเครน ซึ่งสหรัฐฯและประเทศตะวันตกวางแผนโจมตีอย่างรุนแรงต่อรัสเซีย โดยกำลังผลักดันผ่านร่างมติของ UNGA ที่เรียกร้องให้รัสเซียรับผิดชอบ ชดใช้ความเสียหายต่อยูเครน พวกเขากำลังหาทางจัดตั้งกลไก ซึ่งจะไม่ถูกควบคุมโดยสมัชชา แม้แต่ผู้ที่ไม่ใช่มืออาชีพก็ยังมองเห็นว่าเอกสารนี้มีลักษณะเป็นเรื่องการเมืองและไร้ผลทางกฎหมายสากลเพราะสมัชชาใหญ่ไม่มีอำนาจเช่นนั้น”
เขาย้ำว่า “ฉันหวังว่าเพื่อนร่วมงานชาวตะวันตกของเราจะแสดงความจงรักภักดีต่อหลักการอย่างที่สุด และแสดงความพร้อมที่จะชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศกำลังพัฒนาในช่วงหลายศตวรรษด้วยนโยบายอาณานิคม การใช้แรงงานทาส และการปล้นทรัพยากรธรรมชาติของผลงานที่ตะวันตกกระทำตลอดมา จะเป็นการเน้นย้ำถึงสองมาตรฐานของสหรัฐฯ ตลอดจนความต้องการที่จะอยู่เหนือกฎหมายของพวกเขา”
เขากล่าวว่า “เห็นได้ชัดว่าเงินที่ถูกขโมยไปเป็นอันดับแรกเพื่อซื้ออาวุธใหม่หรือชำระหนี้ที่เกี่ยวข้องของยูเครน” “และมติของสมัชชาใหญ่มีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นใบรับรอง สำหรับเรื่องนั้น ความพยายามดังกล่าวชัดเจนเกินไปจากมุมมองของกฎหมายระหว่างประเทศ แต่ประเทศตะวันตกต่างทำเป็นตาบอดกับปัญหาโรคกลัวรัสเซีย และพร้อมถล่มรัสเซียโดยไม่เลือกวิธีการ”
ต้องติดตามต่อไปว่าการประชุมยูเอ็นวันนี้จะออกประกาศตามที่วอชิงตันผลักดันหรือไม่ ถ้ายึดทรัพย์รัสเซียไปประเคนให้ยูเครนได้ มีหรือสงครามจะสงบเพราะเป็นการบังคับให้รัสเซียต้องชนะศึกในสนามรบอย่างเดียวไม่อาจประนีประนอมได้
ในเวลาเดียวกันสื่อซินหัวของจีนรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียได้ประกาศคว่ำบาตรคนอเมริกันระดับวีไอพีเพิ่มอีก ๒๐๐ คนรวมทั้งไบเดนและครอบครัวด้วย ตอบโต้ความไม่เป็นมิตรของสหรัฐที่เพิ่มหนักขึ้น
กระทรวงฯ แถลงว่ากลุ่มคนที่ถูกเพิ่มรายชื่อในบัญชีดำห้ามเข้ารัสเซีย ได้แก่ เจ้าหน้าที่และญาติสนิท หัวหน้าบริษัท ผู้เชี่ยวชาญ และนักวิ่งเต้น หรือที่เรียกกันว่าลอบบี้ยีสต์(lobbyist) ที่เกี่ยวข้องกับการรณรงค์ต่อต้านรัสเซียและสนับสนุนยูเครน ข้อมูลทางการเปิดเผยว่าปัจจุบันรัสเซียกำหนดมาตรการคว่ำบาตรชาวอเมริกัน ซึ่งรวมถึงการห้ามเดินทางเข้ารัสเซีย จำนวน ๑,๐๗๓ คนแล้ว