จากที่พรรครีพลับลิกันโดนฝ่ายค้านโจมตี พร้อมชูนโยบายหาเสียงว่า จะไม่ช่วยเงินยูเครนแม้แต่เซ็นเดียวไปทำสงคราม แล้วนำเงินนั้นมาช่วยเหลือความทุกข์ยากชาวอเมริกันในประเทศแทนนั้น
ทั้งนี้เมื่อมีการเลือกตั้งกลางเทอม ทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลางเทอมพากันไปหย่อนบัตรลงคะแนนเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา โดยมีการนับคะแนนบางส่วนผล Interactive Polls อย่างไม่เป็นทางการก็ไม่มีพลิกล็อค คาดว่าในส่วน ส.ว. จำนวน 100 ที่นั่ง
พรรครีพับลิกันฝ่ายค้านจะชนะครองเสียงข้างมาก 54% (54 เสียง) ต่อเดโมแครตฝ่ายรัฐบาลที่พ่ายแพ้ 46% (46 เสียง) ส่วน ส.ส.จำนวนรวม 435 ที่นั่ง พรรครีพับลิกันฝ่ายค้านจะชนะครองเสียงข้างมาก 56.5% (246 เสียง) ต่อเดโมแครตฝ่ายรัฐบาลที่พ่ายแพ้ 43.5% (189 เสียง)
ขณะที่มีรายงานจากสื่อต่างประเทศ เปิดเผยด้วยว่า ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2565เรียกร้องวอชิงตันคงความเป็นหนึ่งเดียวกัน หลังมีคำถามโผล่ขึ้นมาเกี่ยวกับแรงสนับสนุนของอเมริกาที่มีต่อยูเครน ตามหลังศึกเลือกตั้งกลางเทอม ซึ่งจะเป็นตัวตัดสินว่าพรรคใดจะเป็นฝ่ายควบคุมสภาคองเกรสสหรัฐฯ
“ผมเรียกร้องพวกคุณให้คงความเป็นหนึ่งเดียวกันไม่เปลี่ยน ดังเช่นตอนนี้ จนกว่าจะถึงวันนั้น วันที่เราทุกคนได้ยินคำพูดสำคัญๆ เหล่านั้นที่เราฝันมาตลอด จนกว่าเราจะได้ยินคำว่า ท้ายที่สุดก็สามารถกอบกู้สันติภาพคืนมาได้แล้ว” เซเลนสกี กล่าวปราศรัยที่บันทึกไว้ล่วงหน้า ระหว่างรับเหรียญเสรีภาพของสหรัฐฯ
ประชาธิปไตยไม่ควรหยุดหนทางในการมุ่งหน้าสู่ชัยชนะ เช่นเดียวกับสังคมประชาธิปไตยอื่นๆ ยูเครนมีมุมมองในวิถีชีวิตและการเมืองต่างออกไป” เซเลนสกีกล่าว “แต่เมื่อรัสเซียตัดสินใจทำลายเสรีภาพของเราและกำจัดยูเครนออกจากพื้นผิวโลก เราต้องเป็นหนึ่งเดียวกันในทันทีและเราต้องสานต่อความสามัคคีนี้”
โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญ ทั้งจัดหาอาวุธและมอบแรงสนับสนุนทางการเงินแก่ยูเครนในการทำสงครามต้านทานการรุกรานของรัสเซีย เร่งเร้าบรรดาผู้มีสิทธิออกเสียงให้โหวตเลือกพรรคเดโมแครต ทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
แต่หากสูญเสียเสียงข้างมากทั้งใน 2 สภา ไบเดนจะเหลือทางเดินไม่มากนักไม่ต่างจากเป็ดง่อย และก่อข้อสงสัยว่าสหรัฐฯ จะเดินหน้าให้การสนับสนุนยูเครนอย่างเต็มกำลังต่อไปหรือไม่
ในวันเดียวกันนั้น ลินดา โธมัส กรีนด์ฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ ได้พบปะกับเซเลนสกี ในกรุงเคียฟโดยระหว่างการแถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการพบปะหารือ โธมัส กรีนด์ฟิลด์ บอกว่า สหรัฐฯมองเห็นแรงสนับสนุนจากทั้ง 2 พรรคสำหรับยูเครน และไบเดน”รับปากว่าจะเดินหน้าทำงานกับสภาคองเกรสเพื่อสานต่อในสิ่งนี้”
นอกจากนี้ เธอยังได้แถลงมอบเงินช่วยเหลือจากองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (United States Agency for International Development – USAID) เพิ่มเติมอีก 25 ล้านดอลลาร์ สำหรับสนับสนุนประชาชนกลุ่มอ่อนแอในยูเครนระหว่างฤดูหนาวรุนแรง ในขณะที่รัสเซียยังคงดาหน้ายิงถล่มโจมตีโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงานทั่วประเทศ
ในเดือนพฤษภาคม สภาคองเกรสสหรัฐฯ สัญญาจะมอบเงินช่วยเหลือ 40,000 ล้านดอลลาร์แก่ยูเครน ภายใต้แรงสนับสนุนจากทั้ง 2 พรรค และรัฐมนตรีกลาโหมของยูเครนในสัปดาห์นี้ กล่าวขอบคุณอเมริกา หลังจากเคียฟได้รับมอบระบบป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติม