หัวหน้าฝ่ายความมั่นคงของรัสเซียเดินทางถึงกรุงเตหะรานเพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหาระหว่างประเทศและความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ขณะเดียวกันกับสื่ออังกฤษ โหมข่าวว่ารัสเซียส่งเงินสดและขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานของสหรัฐและสหราชอาณาจักรไปให้อิหร่าน คาดว่าให้ถอดไส้ศึกษาเพื่อสร้างวิศวกรรมย้อนกลับไว้ตอบโต้ตะวันตก
อาการร้อนตัวแบบนี้ จะว่าเป็นการเต้าข่าวสร้างกระแสพุ่งเป้าไปยังอิหร่าน เพื่อสร้างความชอบธรรมที่จะลุยเองหรือเปิดทางอิสราเอลลุยก็มีความเป็นไปได้ หรือที่จริงแล้วไหนๆก็ให้ร้ายกันมาขนาดนี้ และความร่วมมือระหว่างรัสเซียกับอิหร่านนั้นก็ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้นเพราะสถานการณ์เอื้อ ต่างหันเข้าสู่ตะวันออกทั้งสองประเทศ เมื่อโดนตะวันตกผลักดันขับไล่ ตั้งเป้าทำลายล้างอย่างโจ่งแจ้ง
รสชาติของโดรนพลีชีพในสนามรบยูเครนที่สหรัฐและนาโต้มองว่าคือของอิหร่านแน่ๆ โดยเฉพาะเกราน-๒ แม้ตอนหลังจะเห็นบทบาทของ แลนเซ็ต(Lanset) และเคียบ(Kyb)ของรัสเซียเปิดตัวมากขึ้นก็ตาม ของดีราคาสมเหตุสมผล สามารถทำลายอาวุธขั้นสูงมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ของเมกาและนาโต้อย่างง่ายดาย และยังหาทางแก้ไขไม่ได้ ข่าวครั้งนี้เลยดูน่าจะรับฟังได้
วันที่ ๙ พ.ย.๒๕๖๕ สำนักข่าวทาซซ์รายงานว่านิโคไล ปาทรุชเชฟ( Nicholai Patrushev) เลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงของรัสเซีย เดินทางมาเยือนเตหะรานอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของอลี ชัมคานี (Ali Shamkhani) เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของอิหร่าน ตามรายงานของสื่อ IRNA ของทางการอิหร่าน
นอกเหนือจากการเจรจากับฝ่ายความมั่นคงของอิหร่านแล้ว เขามีกำหนดที่จะพบกับ “เจ้าหน้าที่ทางการเมืองและเศรษฐกิจระดับสูงของอิหร่าน เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคี และความร่วมมือในเวทีระหว่างประเทศ” หน่วยงานกล่าวเสริมว่า ปาทรุชเชฟ พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานทางเศรษฐกิจของรัสเซียหลายหน่วย ร่วมเดินทางมาในครั้งนี้
ด้านข่าวของสื่ออังกฤษที่แสนจะฮือฮาที่มาพร้อมกับการเดินทางของฝ่ายความมั่นคงรัสเซีย
สำนักข่าว Sky Newsของอังกฤษ รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า เครื่องบินทหารของรัสเซียแอบขนส่งเงินสดและอาวุธยุทโธปกรณ์สามรุ่น ได้แก่ ขีปนาวุธต่อต้านรถถัง เอ็นลอว์(NLAW) ของอังกฤษ ขีปนาวุธต่อต้านรถถังจาเวลิน (Javelin) ของสหรัฐฯ และขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานสติงเกอร์ (Stinger) ไปยังสนามบินในกรุงเตหะรานเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
อาวุธดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการขนส่งยุทโธปกรณ์ทางทหารของสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ สำหรับกองทัพยูเครนที่ ที่รัสเซียยึดได้ในสมรภูมิยูเครน
แหล่งข่าวกล่าวว่าพวกเขาสามารถให้กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน (IRGC) ซึ่งมีความสามารถในการศึกษาเทคโนโลยีตะวันตกและอาจลอกเลียนแบบได้ โดยอาจจะออกแบบทางวิศวกรรมย้อนกลับและใช้ในสงครามในอนาคต
อิหร่านได้จัดหาอากาศยานไร้คนขับ (UAV) กว่า ๑๖๐ ลำให้กับรัสเซีย รวมถึงโดรนชาเฮด-๑๓๖ (Shahed-136) จำนวน ๑๐๐ ลำ แหล่งข่าวอ้างว่าข้อตกลงโดรนมูลค่า ๒๐๐ ล้านยูโร หรือ ๑๗๔ ล้านปอนด์ ได้ทำความตกลงกันระหว่างเตหะรานและมอสโกว์ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานั่นหมายความว่าจะมี UAV จำนวนมากจากอิหร่านอีกแน่ในเร็วๆนี้
จัสติน บรองค์(Justin Bronk) นักวิจัยอาวุโสของ Royal United Services Institute ซึ่งเป็นคลังสมองในลอนดอน กล่าวว่า โดรนของอิหร่านได้กลายเป็นส่วนสำคัญของการทำสงครามของรัสเซียในยูเครน
วาดิม พริสไตโก(Vadym Prystaiko) เอกอัครราชทูตยูเครนประจำสหราชอาณาจักรกล่าวว่า หากรายงานดังกล่าวได้รับการยืนยันแล้วว่าจริง นี่จะเป็นภัยคุกคามที่แท้จริง” “ถ้ามีขีปนาวุธของอิหร่านเพิ่มมาอีกเราจะมีปัญหาแน่”
แหล่งข่าวด้านความมั่นคงได้เสนอหลักฐานการทำธุรกรรมโดยใช้โดรนในวันที่ ๒๐ ส.ค.ที่ผ่านมา โดยได้แชร์ภาพถ่ายดาวเทียมของ Sky News แสดงให้เห็นเครื่องบินขนส่งสินค้าของกองทัพรัสเซีย ๒ ลำที่สนามบินในกรุงเตหะราน
เชื่อว่า เครื่องบินอิลยูชิน ไอแอล-๗๖(Ilyushin IL-76) ลำหนึ่งเชื่อว่าขนเงินสด ๑๔๐ ล้านยูโร และอาวุธตะวันตกที่ยึดมาได้มาส่งมอบให้อิหร่าน
แหล่งข่าวระบุว่า “เราคิดว่าชาวอิหร่านได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเขามีระบบวิศวกรรมย้อนกลับที่มีประสิทธิภาพ ดังที่เราเห็นได้จาก UAV ที่พวกเขาทำ เป็นวิศวกรรมย้อนกลับจาก UAV ของสหรัฐฯ ที่จับได้ในปี ๒๐๑๑”
โดรนสอดแนม อาร์คิว-๑๗ เซ็นติเนล(RQ-17 Sentinel) ของอเมริกา ซึ่งใช้สำหรับการลาดตระเวน ถูกจับในเดือนธันวาคม ๒๐๑๑ ผู้บัญชาการชาวอิหร่านรายหนึ่งอ้างว่าในปีถัดมาประเทศของเขาได้ทำวิศวกรรมย้อนรอยอากาศยานของตะวันตก
จะเห็นได้ว่าการที่สหรัฐและพันธมิตร โหมกระพือว่าพันธมิตรของรัสเซียไม่ว่าจะเป็นอิหร่าน เกาหลีเหนือให้การสนับสนุนรัสเซียทางทหารเป็นเรื่องที่สหรัฐฯไม่อาจให้อภัยได้ และใช้สื่อหลักและเวทีสหประชาชาติประณามและออกมาตรการปราบปรามรับลูกกันเป็นทอดๆ บ่งบอกว่าเป้าหมายของสหรัฐมุ่งไปสู่การจุดไฟสงครามนอกบ้านหวังจะเป็นผู้รับผลประโยชน์หลังประเทศอื่นที่ปั่นให้ขัดแย้งแหลกราญ ต้องจับตาการยกระดับความขัดแย้งในจุดวาบไฟหลายจุด เมื่อผู้นำอิสราเอลผลัดมือสู่กลุ่มขวาจัดไซออนนิสต์ และหลังเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ ชี้ขาดว่าเดโมแครตหรือรีพับลิกันใครกันแน่จะคว้าชัย !!??