หลังจากการเมืองของสหรัฐฯกำลังร้อนแรง เพราะการเลือกตั้งกลางเทอมที่กำลังใกล้เข้ามา ทำให้ไบเดน เร่งเดินหน้าหาเสียง แต่เขาน่าจะรู้ดีว่า ประชากรจำนวน 2 ใน 3 ของประเทศ ที่กำลังเบื่อหน่ายกับรัฐบาลชุดนี้ ที่เอาแต่หนุนหลังยูเครนเรื่อยมา จนไม่สนว่า ประเทศตัวเองจะเป็นยังไง เรียกได้ว่านาทีนี้ สหรัฐฯและยุโรป ดินแดนประชาธิปไตย กำลังจับมือกันดิ่ง เสื่อมอำนาจลงเรื่อย ๆ หากยังหนุนหลังสงคราม ก็ยิ่งเจอกับหายนะเลวร้ายเรื่องพลังงานมากขึ้น มีแต่รอวันเจ๊งกับเจ๊งเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ยุโรปเดินตามหลังสหรัฐฯ ทั้งการคว่ำบาตรรัสเซีย และหนุนอาวุธ งบประมาณต่าง ๆ ให้ยูเครนเอาไปสู้รบ รวมทั้งยังต้องอุดหนุนอาวุธสงครามจากสหรัฐฯอีกด้วย
ล่าสุดในเพจเฟซบุ๊ก Around the war world รอบโลกสงคราม ได้รายงานถึงประเด็นนี้ด้วยว่า “ผู้รับผลประโยชน์รายใหญ่จากวิกฤตยูเครน Yahoo News ระบุผู้รับผลประโยชน์รายใหญ่ในความขัดแข้งรัสเซีย – ยูเครน คือ อุตสาหกรรมการทหารของสหรัฐฯ ซึ่งกำลังเก็บเกี่ยวผลประโชชน์ในขณะที่ความขัดแย้งกำลังนองเลือดและทำให้เกิดความหายนะทางเศรษฐกิจ การขาดแคลนพลังงาน และวิกฤตการณ์อาหารที่กำลังลุกลามทั่วโลก
ตามที่สื่อรายงานบรรดาชาติต่าง ๆ ในสหภาพยุโรปได้สั่งซื้ออาวุธใหม่ราว 230,000 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่การโจมตีของกองทัพรัสเซียเริ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ บริษัทด้านการป้องกันประเทศของสหรัฐฯได้รับส่วนแบ่งมากที่สุดเนื่องจากพวกเขามีอิทธิพลเหนือกว่าซัพพลายเออร์อื่น ๆ”
แม้ว่ายุโรปจะเห็นถึงความไม่จริงใจของสหรัฐฯ แต่ก็คงปฏิเสธอะไรไม่ได้ ท่ามกลางการถูกเรียกร้องจากประชาชนว่า อยากให้ผู้นำถอนตัวออกจากศึกยูเครนเสียที นอกจากนี้ยังมีรายงานนายวอลลี อาเดเยโม ปลัดกระทรวงการคลังสหรัฐ กล่าวว่า เขาจะเดินทางไปยังกรุงปารีส ลอนดอน และบรัสเซลส์ในสัปดาห์นี้เพื่อหารือกับพันธมิตรในยุโรปเกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียต่อการส่งกำลังทหารรุกรามยูเครน เขาจะหารือเกี่ยวกับการกำหนดเพดานราคาน้ำมันของรัสเซียเพื่อให้ราคาน้ำมันรัสเซียปรับตัวลงในตลาดโลก และทำให้รัฐบาลรัสเซียมีรายได้ลดลงจากการจำหน่ายน้ำมันนอกจากนี้ นายอาเดเยโมกล่าวว่า การหารือจะรวมถึงปัญหาราคาพลังงานที่พุ่งสูง และความมั่นคงเกี่ยวกับอาหาร หลังจากที่รัสเซียบุกโจมตียูเครนในเดือนก.พ.
