สัญญลักษณ์แห่งการชำระแค้น ธงแดงโบกสะบัดเหนือมัสยิดกลางของอิหร่านอีกครั้ง เป็นเครื่องหมายประกาศศึกกับศัตรูคู่อาฆาตที่ทำร้ายอิหร่านทั้งต่อหน้าและลับหลังตลอดมา พุ่งเป้าไปที่สหรัฐอเมริกาและอิสราเอล
วันที่ ๖ พ.ย.๒๕๖๕ สำนักข่าวสปุ๊ตนิก รายงานว่า อิบราฮิม ไรซี(Ebrahim Raisi) ประธานาธิบดีอิหร่าน ตอบสนองต่อคำประกาศของปธน.ไบเดนที่จะ “ปลดปล่อยอิหร่าน” โดยย้อนบทเรียนประวัติศาสตร์แก่ผู้นำสหรัฐฯ ว่าเมื่อใดที่สาธารณรัฐอิสลามได้รับอิสรภาพที่แท้จริง
ไรซีกล่าวว่า “ฉันได้รับแจ้งเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนว่า ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาได้พูดบางคำเนื่องจากความฟุ้งซ่านว่าสหรัฐฯตั้งเป้าที่จะ ‘ปลดปล่อยอิหร่าน’”
ผู้นำอิหร่านกล่าวสุนทรพจน์ในกรุงเตหะรานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการปฏิวัติสถานทูตสหรัฐในปี ๒๕๒๒ ซึ่งสาธารณรัฐอิสลามเฉลิมฉลองว่าเป็น ‘วันชาติแห่งการต่อสู้กับการความเย่อหยิ่งทั่วโลก’
ไรซีกล่าวโดยอ้างถึงการปฏิวัติอิหร่านซึ่งโค่นล้มชาห์เผด็จการที่สหรัฐหนุนหลัง “อิหร่านเป็นอิสระเมื่อ ๔๓ ปีที่แล้วและตั้งใจแน่วแน่ที่จะไม่ยอมถูกยึดครองโดยคุณ และเราจะไม่มีวันเป็นวัวนมของคุณ” “เราไม่ใช่ชิ้นเนื้อที่อเมกาจะมาเคี้ยวง่ายๆ”
ไบเดนแสดงความคิดเห็นเชิงยั่วยุในการกล่าวสุนทรพจน์ เพื่อการเลือกตั้งในแคลิฟอร์เนียเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ไบเดนกล่าวว่า “อย่ากังวลไป เราจะปลดปล่อยอิหร่านให้เป็นอิสระ พวกเขาจะเป็นอิสระในไม่ช้า พวกคุณจะเห็น”
ประธานาธิบดีไม่ได้อธิบายให้ละเอียด และไม่ชัดเจนว่าอะไรกระตุ้นให้เขาแสดงความคิดเห็นแบบนั้น เนื่องจากส่วนหนึ่งของสุนทรพจน์ก่อนหน้าความคิดเห็น จะปลดปล่อยอิหร่านให้เป็นอิสระนั้น อุทิศให้กับการบาดเจ็บของทหารสหรัฐในสงครามการรุกรานของสหรัฐฯ ในช่วงสองปีที่ผ่านมา
ไบเดนกล่าวว่า “คุณรู้ไหม เราพบว่าทหารของเราจำนวนมาก ผู้คนกลับมาจากอิรัก อัฟกานิสถานด้วยอาการบาดเจ็บที่สมองอย่างรุนแรงและเกิดเนื้องอก มากกว่าสงครามครั้งอื่นๆ ในประวัติศาสตร์อเมริกา นอกจากสงครามกลางเมือง บางทีผู้พิการทางสมองอาจกลับมามากกว่าในสงครามใดๆ ในประวัติศาสตร์อเมริกา พร้อมกับหลุมไหม้ในสมองเหล่านั้น”
ในการกล่าวปาฐกถาของเขาเมื่อวันศุกร์ ไรซีเน้นว่า “วันนี้เป็นสัญลักษณ์ของการตอบโต้ ความเย่อหยิ่งของระบบการปกครองของสหรัฐอเมริกา ซึ่งตามที่อิหม่ามโคมัยนีระบุว่า คือซาตานผู้ยิ่งใหญ่แพร้อมที่จะทำลายหลายประเทศและผู้คนในโลก เพื่อให้บรรลุผลตามความต้องการของตน”
ปธน.อิหร่านเน้นย้ำถึงการมีส่วนร่วมของสหรัฐฯ ในสงครามกว่า ๓๐๐ ครั้ง ตั้งแต่ก่อตั้งประเทษ และสนับสนุนการรัฐประหาร ๖๒ ครั้งทั่วโลก ตลอดจนการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ในฮิโรชิมาและนางาซากิ เฉ่งวอชิงตันว่าเป็นผู้ก่อตั้งและสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายทั่วตะวันออกกลาง
อิหร่านเผชิญกับการประท้วงที่ร้ายแรงมากว่าหนึ่งเดือน หลังจากการเสียชีวิตของมาห์ซา อามินี หญิงสาวที่ล้มลงในอาการโคม่าและเสียชีวิตในโรงพยาบาลหลังจากถูกตำรวจด้านศีลธรรมของอิหร่านควบคุมตัวไว้ เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าสวมผ้าคลุมศีรษะอย่างไม่เหมาะสม
ผู้จัดงานประท้วง เจ้าหน้าที่และสื่อตะวันตกกล่าวโทษทางการของอิหร่านที่ทุบตีอามินีให้อยู่ในอาการโคม่า ภาพจากกล้องวงจรปิดที่เผยแพร่โดยทางการ ดูเหมือนจะแสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้ถูกล่วงละเมิดในการควบคุมตัว ได้ทรุดตัวลงหลังจากทะเลาะวิวาทกับคนดูแลและเสียชีวิตในที่สุด
ทางการอิหร่านเปิดโปงสหรัฐฯและอิสราเอล ปลุกระดมให้เกิดความไม่สงบผ่านเครือข่ายภายในอิหร่านและทางออนไลน์ กลุ่มประเทศ BRICS (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้) ต่างแสดงความคิดเห็นว่าตะวันตกพยายามที่จะกระตุ้นการปฏิวัติสีในสาธารณรัฐอิสลาม การประท้วงต่อต้านรัฐบาลเริ่มขึ้นหนึ่งวันหลังจากอิหร่านได้เข้าร่วมSCO หรือองค์กรความร่วมมือเซี่ยงไฮ้อย่างเป็นทางการ
ความเห็นของประธานาธิบดีไบเดนที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในกรุงเตหะราน จะโดยเจตนาหรือเผลอหลุดปากก็ตาม ถือเป็นการยกระดับความตึงเครียดระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯครั้งล่าสุด ท่ามกลางการเจรจาเรื่องแผนปฏิบัติการร่วม ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านปี ๒๐๑๕ ที่วอชิงตันยกเลิกในปี ๒๐๑๘ แต่ไบเดนและฝ่ายบริหารได้ให้คำมั่นที่จะฟื้นฟูข้อตกลงเพื่อจำกัดความสามารถทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่ต้องติดขัดเพราะสหรัฐไม่ยอมยกเลิกคว่ำบาตรก่อนเจรจา ที่สำคัญอิสราเอลคัดค้านอย่างถึงที่สุด
สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านได้ชูธงสีแดงบนโดมหลักของมัสยิดจัมคาราน (Jamkaran) ในเมืองกอม (Qom) เป็นสัญญลักษณ์ของคำมั่นสัญญาในสงครามอันศักดิ์สิทธิ์ ครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นหลังจากการสังหารผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ (Quds) นายพลคัสเซม โซไลมานี ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ ๓ มกราคม ๒๐๒๐ หลังจากการจู่โจมโดยคำสั่งของอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ในโอกาสนั้นอิหร่านตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธ ๒๐ ลูกที่ฐานทัพแอนอัลอะซาด (Ain al Asad) ทางตะวันตกของอิรัก ซึ่งเป็นที่ตั้งของกองทหารสหรัฐฯ และสังหารผู้นำมอดสาดที่เกี่ยวข้องกลางกรุงเทลอาวีฟฯ