จากกรณีที่ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ออกมาระบุว่ายูเครนได้ใช้เส้นทางในทะเลดำที่ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการส่งออกธัญพืช โจมตีเรือของทั้งกองทัพรัสเซียบริเวณท่าเรือเมืองเซวาสโทพอล ในภูมิภาคไครเมีย ซึ่งเป็นดินแดนคาบสมุทรทางภาคใต้ของยูเครนที่รัสเซียผนวกเป็นส่วนหนึ่งของประเทศตัวเองตั้งแต่ปี 2014 นอกจากนี้ประธานาธิบดี ปูติน ย้ำว่ามีการตรวจพบโดรนทั้งใต้น้ำและกลางอากาศตลอดเส้นทางภายใต้ข้อตกลง ทำให้เรือรัสเซียที่ทำหน้าที่คุ้มกัน และเรือขนส่งธัญพืชของรัสเซียเองตกอยู่ในความเสี่ยง
ดังนั้นสหประชาชาติในฐานะตัวกลางการเจรจาข้อตกลงควรผลักดันให้ยูเครนรับประกันความปลอดภัยสำหรับการเดินเรือในเส้นทางดังกล่าว พร้อมยืนยันว่ารัสเซียยังไม่ยุติการปฏิบัติตามข้อตกลงที่ทำไว้ แต่เป็นเพียงการระงับไว้เท่านั้น ขณะที่ฝ่ายยูเครนยืนยันว่าจะเดินหน้าส่งออกธัญพืชเพื่อช่วยบรรเทาภาวะขาดแคลนอาหารทั่วโลก แม้รัสเซียจะประกาศถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าวก็ตาม
ทั้งนี้แม้ว่า สถานการณ์การส่งออกของรัสเซียและยูเครน กำลังฟาดฟันอย่างหนักหน่วง แต่บนสมรภูมิรบก็กำลังจะดุเดือดตามมาอย่างคาดไม่ถึงอีกครั้ง เพราะมีรายงานว่า รัสเซียจะติดตั้งขีปนาวุธของอิหร่านไว้ที่ชายแดนด้านเหนือของยูเครน และทางด้านผู้บัญชาการกองทัพอากาศยูเครน ก็ออกมายอมรับว่า หากรัสเซียยิงขีปนาวุธในเขตชายแดน งานนี้ยูเครนแย่แน่นอน เพราะพวกเขาไม่มีระบบป้องกันอาวุธสุดล้ำจากอิหร่านได้เลย
ผู้บัญชาการรายนี้ ยังยืนยันด้วยว่า “ขีปนาวุธประเภทหนึ่งมีพิสัย 300 กม. อีกประเภทหนึ่งมีพิสัย 700 กม. นี่คือขีปนาวุธนำวิถี เป็นไปได้ในทางทฤษฎีที่เราสามารถยิงพวกมันลงได้ แต่ในความเป็นจริง เป็นเรื่องยากมากที่จะทำมันด้วยสิ่งที่เรามีในตอนนี้ แน่นอนว่าเรามีระบบการป้องกันทางอากาศ แต่ไม่ใช่ระบบป้องกันขีปนาวุธ ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคม สำนักข่าว “The Washington Post” รายงานข่าวว่า อิหร่านจะจัดหาขีปนาวุธให้กับรัสเซียเพื่อทำสงครามกับยูเครน
ในรายละเอียดของข่าว ตามรายงานของเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของสหรัฐฯ และพันธมิตร เจ้าหน้าที่อิหร่านเดินทางไปรัสเซียเมื่อวันที่ 18 กันยายน เพื่อเจรจาข้อตกลงเกี่ยวกับการจัดส่งอาวุธเพิ่มเติม หน่วยข่าวกรองสหรัฐรายงานว่าอิหร่านกำลังเตรียมขีปนาวุธ Fateh-110 และ Zolfaghar ชุดแรก ซึ่งเป็นขีปนาวุธพิสัยใกล้ที่สามารถโจมตีเป้าหมายได้ในระยะ 300 และ 700 กิโลเมตร
และเพื่อตอกย้ำข่าวสถานการณ์ดุเดือดอีกครั้ง ทางสำนักข่าว CNN ได้รายงานอีกรอบระบุว่า “อิหร่านกำลังเตรียมที่จะส่งอาวุธเพิ่มเติมอีกนับ 1,000 รายการ รวมทั้งขีปนาวุธพิสัยไกลจากพื้นสู่พื้นและโดรนโจมตีเพิ่มเติมไปยังรัสเซียเพื่อใช้ในสงครามกับยูเครน โดยเจ้าหน้าที่จากประเทศตะวันตกที่ติดตามโครงการอาวุธของอิหร่านอย่างใกล้ชิดกล่าวกับซีเอ็นเอ็น ซึ่งแน่นอนว่า ทัพรัสเซียจะเลือกติดตั้งระบบขีปนาวุธล้อมทั่วชายแดนยูเครน แม้ว่าจะยังไม่มีการสั่งการให้ยิง แต่กองทัพยูเครนก็กำลังหวาดผวาและถอดใจก่อนลงสนามรบเสียแล้ว หากอาวุธสหรัฐฯยังมาถึงมือแบบล่าช้า ก็เห็นท่าว่ายูเครนคงจะแย่หนักในรอบนี้แน่นอน