เดือนนี้เป็นเดือนชี้ขาดชะตากรรมของพรรคเดโมแครตในสนามเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐว่าจะเหลือสักกี่ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรณ์ เพราะกระแสทรัมป์และรีพับลิกันมาแรงอย่างห้ามไม่อยู่ นั่นหมายถึงสถานการณ์สงครามตัวแทนในยูเครนอาจพลิกโฉมได้
อย่างไรก็ตามไม่ว่าผู้นำเมกาจะเป็นใคร สำหรับรัสเซียแล้วไม่แปลกใจและยังคงต้องฟาดฟันในสงครามตัวแทนให้เด็ดขาด ล่าสุดเมดเวเดฟออกมายืนยันกวนใจเมกาอีกว่า มีแต่รัสเซียชนะเท่านั้นจึงหยุดสงครามโลกได้ เพราะคนที่ต้องการสงครามโลกและยั่วยุสงครามนิวเคลียร์ก็คือสหรัฐและตะวันตกนั่นเอง
นอกจากนี้ เรื่องสำคัญที่ยุโรปแกล้งทำเป็นลืมแต่ในที่สุดรัสเซียก็จับได้ไล่ทันว่าอังกฤษเป็นตัวการลงมือวินาศกรรมท่อก๊าซนอร์ดสตรีม๑ และ๒ และรัสเซียให้คำมั่นจะตอบโต้คืนอย่างสาสม
วันที่ ๒ พ.ย.๒๕๖๕ สำนักข่าวทาซซ์และรัสเซียทูเดย์ รายงานว่า ดมิทรี เมดเวเดฟ(Dmitry Medvedev )อดีตประธานาธิบดี และรองหัวหน้าคณะมนตรีความมั่นคงของรัสเซีย กล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า มีเพียงชัยชนะของรัสเซียในยูเครนเท่านั้นที่จะป้องกันความขัดแย้งระดับโลก และหลีกเลี่ยงมหันตภัยสงครามนิวเคลียร์ได้
เขากล่าวว่า “ประเทศตะวันตกกำลังผลักดันให้โลกทำสงครามโลก มีเพียงชัยชนะที่สมบูรณ์และครั้งสุดท้ายของรัสเซียเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องรับประกันว่าจะไม่มีสงครามโลก” เขากล่าวเพื่อตอบสนองต่อการคาดเดาบ่อยครั้งของตะวันตกที่ว่า”รัสเซียไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นฝ่ายชนะสงคราม”
“ถ้ายูเครนและผู้สนับสนุนชนะ เป้าหมายของยูเครนในสงครามซึ่งประกาศโดยระบอบการปกครองของเคียฟ คือการยึดดินแดนทั้งหมดกลับคืนมา กล่าวอีกนัยหนึ่งคือการผนวกดินแดนจากรัสเซีย นี่เป็นภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ของรัฐของเราและการล่มสลายของรัสเซียในปัจจุบัน ตามความต้องการของตะวันตก”
เมดเวเดฟสรุปว่าความเป็นไปได้ที่คุกคามรัฐเป็นเหตุผลโดยตรงสำหรับการใช้วรรค ๑๙ หลักการพื้นฐานของนโยบายรัฐของรัสเซียในด้านการป้องกันนิวเคลียร์จากศัตรู
เขาพูดว่า “ฉันขอถามอะไรอย่างนี้ว่า ในความเป็นจริง ใครเป็นคนวางแผนความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ โดยการยั่วยุโดยตรงด้วยการใช้อาวุธนิวเคลียร์ต่อรัสเซีย” .
ในช่วงกลางเดือนต.ค.ที่ผ่านมา เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต้(NATO Secretary-General Jens Stoltenberg) ได้ยอมรับโดยไม่ได้ตั้งใจว่า พันธมิตรทางทหารตะวันตกกำลังทำสงครามกับมอสโกว์ ประเด็นนี้ในสายตาเมดเวเดฟ ได้ตั้งข้อสังเกตุคำแถลงของเลขาธิการนาโต้ที่ว่า “ชัยชนะทางทหารของรัสเซียในยูเครนจะเป็นความพ่ายแพ้ของนาโต้”
เขาชี้ว่า “เป็นการยืนยันอย่างเปิดเผยถึงการมีส่วนร่วมของนาโต้ในการทำสงครามกับประเทศของเรา เป็นคำพูดที่ไม่ฉลาด แต่ตรงความจริง ในที่สุดเพื่อนชาวนอร์เวย์ที่ซื่อสัตย์ก็ยอมรับในที่สุด” เลขานาโต้คนนี้เคยเป็นนายกรัฐมนตรีของนอร์เวย์มาก่อน
ในขณะเดียวกัน ทางการรัสเซียก็ได้สืบสวนการก่อวินาศกรรมท่อส่งก๊าซ นอร์ดสตรีม๑ และ๒ แม้จะถูกกีดกันไม่ให้เข้าร่วมตรวจสอบทั้งๆที่เป็นทรัพย์สินร่วมของรัสเซีย
ดมิทรี เปสคอฟ (Dmitry Pescov) โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียแถลงในวันเดียวกันว่า รัสเซียจะดำเนินมาตรการตอบโต้หราชอาณาจักร เนื่องจากหน่วยข่าวกรองของรัสเซียมีข้อมูลบ่งชี้ว่า ผู้เชี่ยวชาญจากกองทัพสหราชอาณาจักรเป็น ผู้สั่งการและประสานงานเพื่อทำลายท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม ซึ่ง กระทรวงกลาโหมของรัสเซียได้กล่าวเช่นกันว่า เจ้าหน้าที่จากกองทัพเรือสหราชอาณาจักรเป็นผู้ระเบิดบางส่วนของท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม ๑ และ ๒ เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี โฆษกของนายกรัฐมนตรี สหราชอาณาจักรได้แถลงปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวของรัสเซีย และว่าสหราชอาณาจักรจะยังคงให้การสนับสนุนยูเครนต่อไปจนกว่ารัสเซียจะพ่ายแพ้ในการทำสงครามกับยูเครน
แม้ว่าสหราชอาณาจักรจะทำหน้ามึนอย่างไร ประเด็นรายละเอียดคำพูดหลุดของอดีตนายกฯริซ ทรัซซ์ ที่เพิ่งลาออกไปหมาดๆได้ติดต่อกับแอนโธนี บลิงเคน รมว.ต่างประเทศสหรัฐที่ว่า “เรื่องนั้นทำเสร็จหรือยัง” เรื่องนี้แพร่ไปทั่วโซเชียลมีเดียก็ทำให้โลกรู้แล้วว่า วินาศกรรมท่อก๊าซฝีมือใคร ประเทศต้นเรื่องถึงได้อ้ำอึ้งไม่กล้ารายงานการสอบสวน แน่นอนเรื่องนี้รัสเซียไม่ปล่อยผ่านแน่ ก็ต้องดูต่อไปว่ารัสเซียจะจัดหนักแบบไหนให้สหราชอาณาจักรที่เพิ่งได้นายกฯคนใหม่ริชชี ซูแนค
มาดูผลงานการขับเคี่ยวระหว่างรัสเซียกับเคียฟและนาโต้กันบ้างในสมรภูมิยูเครน รมว.กลางโหมรายงานว่าการโจมตีด้วยขีปนาวุธครั้งล่าสุดทำให้เคียฟจัดหาและหมุนเวียนกองกำลังยากขึ้นมาก
กระทรวงกลาโหมของรัสเซียแถลงเมื่อวันอังคารว่า กองทัพของยูเครนประสบปัญหาโลจิสติกส์ทางทหาร และเสื่อมความสามารถในการลำเลียงขนส่งกำลังพลและยุทโธปกรณ์อย่างรุนแรงจากการโจมตีครั้งล่าสุดของกองกำลังรัสเซียถ้อยแถลงได้ระบุถึงผลลัพธ์การโจมตีด้วยขีปนาวุธพิสัยไกลคินซาลที่เปิดตัวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
เซอร์เกย์ ชอยกู รมว.กลาโหมของรัสเซีย(Russian Defense Minister Sergey Shoigu)กล่าวว่า “การขนส่งกำลังคนและวัสดุไปยังแนวหน้าผ่านทางรถไฟถูกขัดขวางอย่างมาก การผลิตที่โรงงานอุตสาหกรรมทางทหารของยูเครนก็หยุดชะงักเช่นกัน”
รัฐมนตรีกล่าวในระหว่างการประชุมเชิงปฏิบัติการว่า การโจมตีที่แม่นยำยังคงดำเนินต่อไปในเป้าหมายหลัก ส่งผลกระทบต่อศักยภาพทางทหารของยูเครน ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา กองกำลังรัสเซียได้ทำลายรถถัง ๗๔ คัน ยานเกราะอื่นๆ ๒๓๕คัน เครื่องยิงจรวดหลายลูกไฮมาร์(ส) (HIMARS) ๒ เครื่อง และรถติดอาวุธ ๒๖๘ คัน
รัสเซียปรับเปลี่ยนยุทธวิธีทางทหารในยูเครนเมื่อเดือนที่แล้ว และเริ่มโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและหน่วยบัญชาการทหาร ปธน.ปูติน กล่าวถึงการเคลื่อนไหวดังกล่าวว่า เป็นการตอบโต้การก่อวินาศกรรมของยูเครนต่อแหลมไครเมีย โรงงานพลังงานของรัสเซีย ซึ่งรวมถึงโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และท่อส่งก๊าซที่ส่งไปยังตุรกี ยิ่งเพิ่มการรุกล้ำดินแดนรัสเซียมากเท่าไหร่ก็จะโดนตอบโต้หนักยิ่งกว่าเท่านั้น!!!