เพนตากอนสะท้าน!? เมกาเทียบไม่ติดวัดคลังนิวเคลียร์จีน-รัสเซีย บก-น้ำ-อากาศรวมกันยากต้าน ใจคนละเบอร์

0

ในมุมมองของเพนตากอน ตามข้อมูลที่เปิดเผยอย่างเป็นทางการ เปรียบเทียบคลังอาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซียและจีนนั้น ยังคงเหนือกว่าสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงและล่องหน ที่พร้อมใช้และประจำการบ้างแล้ว  ในขณะที่สหรัฐกำลังเร่งมือทดสอบและเตรียมติดตั้งให้นาโต้ เพื่อใช้ยุโรปเป็นสนามทดลองรบกับรัสเซีย แต่ไม่มีใครรู้ข้อมูลจริงของทั้งสามประเทศเพราะต่างปิดเป็นความลับ

กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเน้นย้ำว่ามอสโกว์ไม่ได้ขู่ใครด้วยอาวุธนิวเคลียร์ แต่เป็นมหาอำนาจตะวันตกที่ใช้สำนวนนิวเคลียร์ จับคนทั้งโลกเป็นตัวประกันพยายามทำให้ดูเหมือนว่ารัสเซียกำลังเตรียมโจมตีโดยใช้อาวุธที่มีอำนาจทำลายล้างสูง ซึ่งในความเป็นจริงเพื่อสร้างความชอบธรรมที่สหรัฐเองจะใช้โจมตีเหมือนดังที่เคยทำกับฮิโรชิมา-นางาซากิ

วันที่ ๓๑ ต.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวสปุ๊ตนิกรายงานว่า เอกสารเกี่ยวกับยุทธศาสตร์นิวเคลียร์ฉบับใหม่ของสหรัฐฯ หรือที่เรียกว่า นิวเคลียร์โพสเจอร์ รีวิว(Nuclear Posture Review) เรียกย่อๆว่า NPR  ซึ่งเพิ่งเผยแพร่โดยเพนตากอนและฝังอยู่ในยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศ (NDS) ของประเทศ ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงคลังอาวุธนิวเคลียร์ในปัจจุบันของสหรัฐฯ ให้ทันสมัย ​​โดยแยกรัสเซียและจีนเป็นศัตรูหลักที่มีศักยภาพในเรื่องนี้ 

มาพิจารณาข้อมูลเชิงลึกสั้นๆ เกี่ยวกับกองกำลังนิวเคลียร์ของมอสโกว์ ปักกิ่ง และวอชิงตันว่าเหตุใดเมกาถึงต้องป่าวร้องจุดยืนนิวเคลียร์ของตนเพื่อข่มขวัญโลก

ด้านคลังนิวเคลียร์ของรัสเซีย NPR ระบุว่ารัสเซียมีหัวรบนิวเคลียร์ “มากถึง ๒,๐๐๐” หัวรบ และกำลังดำเนินการตามระบบที่มีความสามารถทางนิวเคลียร์แบบใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อให้สหรัฐฯและพันธมิตรของสหรัฐฯ ตกอยู่ในความเสี่ยง ซึ่งบางส่วนก็ไม่รับผิดชอบภายใต้การเริ่มต้นลดอาวุธเชิงกลยุทธ์ตามสนธิสัญญา”

ตัวเลขนี้สอดคล้องกับการประมาณการครั้งก่อนของเพนตากอนที่อ้างว่ามอสโกว์มีหัวรบนิวเคลียร์อย่างน้อย ๕,๙๗๗ ลูกในปี ๒๐๑๙ และ ๖,๓๗๕ ในปี ๒๐๒๐

ในส่วนหนึ่งของการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับสตาร์ต (START)ซึ่งเป็นสนธิสัญญาจำกัดอาวุธนิวเคลียร์  รัสเซียระบุว่า ณ วันที่ ๑ กันยายน ๒๐๑๙ รัสเซียมียานพาหนะขนส่งทางยุทธศาสตร์ ๕๑๓ คันพร้อมหัวรบนิวเคลียร์ ๑,๔๒๖ ลูก

ยานขนส่งของรัสเซียประกอบด้วยขีปนาวุธข้ามทวีปแบบICBM เช่นซามัต ไอซีบีเอ็ม (Sarmat ICBM) ที่ซับซ้อน เช่นเดียวกับยาร์ส (Yars) และโตโปล ไอซีบีเอ็ม (Topol ICBM) เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ รวมถึง ตู-๑๖๐(Tu-160) และตู-๙๕ (Tu-95) รุ่นปรับปรุงใหม่ รวมถึงเรือดำน้ำขั้นสูงที่ขับเคลื่อนด้วยนิวเคลียร์ของชั้นโบเรีย (Borei) ที่ติดตั้งขีปนาวุธนิวเคลียร์บูลาวา (Bulava)

 

รัสเซียมียานพาหนะร่อนแบบไฮเปอร์โซนิกล้ำสมัยต่างจากสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึง อะแวงการ์ด(Avangard) และคินซาล (Kinzhal) ซึ่งสามารถบรรทุกหัวรบนิวเคลียร์ได้เช่นกัน

ทางด้านจีน จากข้อมูลของ NPR ระบุว่าสาธารณรัฐประชาชนจีน (PRC) มีแนวโน้มที่จะมีหัวรบนิวเคลียร์ส่งมอบได้อย่างน้อย ๑,๐๐๐ หัวภายในสิ้นทศวรรษนี้

การทบทวนให้เหตุผลว่า คลังอาวุธนิวเคลียร์ที่หลากหลายของปักกิ่ง สามารถให้ทางเลือกใหม่แก่ PRC ก่อนและระหว่างวิกฤต หรือในความขัดแย้งโดยการใช้ประโยชน์จากอาวุธนิวเคลียร์เพื่อจุดประสงค์บีบบังคับ รวมถึงการยั่วยุทางทหารต่อพันธมิตรและหุ้นส่วนของสหรัฐฯในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนี้

ปัจจุบัน จีนเป็นประเทศหนึ่งใน๕รัฐใหญ่ที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ อย่างเป็นทางการ ภายใต้สนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (NPT) ที่ไม่ได้ให้ข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับกำลังทหารของตน รวมถึงส่วนประกอบนิวเคลียร์อย่างแท้จริง ต่างฝ่ายต่างปิดบังความจริงถือเป็นความลับทางทหาร

เพนตากอนเชื่อว่าจีนมีหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ ๔๐๐ ลูกที่สามารถส่งโดย ICBM ได้ รวมถึงตระกูลตงเฟิงทั้งหลาย Dongfeng (DF)-4, DF-5A, DF-31 และ DF-31A รวมถึงการดัดแปลง DF-41 ล่าสุด ที่จัดแสดงครั้งแรกในขบวนพาเหรดทหารในกรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๐๑๙

ตามรายงานของสถาบันวิจัยยุทธศาสตร์ศึกษาในลอนดอน ยานขนส่งนิวเคลียร์ของจีนยังรวมถึงเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ Type-094 และ Type-096 เช่นเดียวกับเครื่องบินทิ้งระเบิด H-6 และ H-6K บวกกับ H-20 รุ่นใหม่ เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ทั้งหมด

นอกจากนี้ จีนยังมีตงเผิง-๑๗ ไอซีบีเอ็ม (DF-17 ICBM) ขีปนาวุธพิสัยกลางไฮเปอร์โซนิก ซึ่งปักกิ่งอ้างว่าสามารถบรรทุกหัวรบนิวเคลียร์ได้ไม่จำกัด

สำหรับสหรัฐอเมริกา ขณะนี้มีหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ ๑,๓๕๐ ลูกบนยานพาหนะส่งอย่างน้อย ๖๕๒ คัน ในจำนวนนี้มี ๔๐๐ ลูก เป็นมินิทแมน ๓ ไอซีบีเอ็ม (Minuteman III: ICBMs) และเรือดำน้ำตรีศูลระดับโอไฮโอที่รองรับนิวเคลียร์ ๑๔ ลำ

ตามข้อมูลที่เผยแพร่บน เว็บไซต์ ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐความทันสมัยของขีปนาวุธมินิทแมน๓ เป็น “อาวุธที่ตอบสนองได้ดีที่สุด” ของหน่วยรบนิวเคลียร์สามกลุ่มของสหรัฐฯ มีกำหนดจะเริ่มใช้ได้ในปี ๒๕๗๒

ยานพาหนะส่งนิวเคลียร์ของสหรัฐฯมี เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ B-52H สตราโตฟอเตรส (Stratofortress)และ B-2A สปิริต (Spirit)

รัสเซียบรรลุขีดความสามารถขีปนาวุธเร็วเหนือเสียงในปลายปี ๒๕๖๐ และจีนตามมาในปี ๒๕๖๒ ส่วนสหรัฐฯ ยังไม่ประสบความสำเร็จในการสร้างขีปนาวุธที่มีความเร็วเหนือเสียงที่นำมาประจำการได้  มาวันนี้ได้เร่งทดลองหลายครั้งตั้งแต่ต้นปี เพิ่งจะมีข่าวว่าทำได้แล้วเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา นอกจากนี้ในสมรภูมิยูเครน รัสเซียได้เปิดตัวโดรนพลีชีพ ตัวเล็กแสบที่ตะวันตกยังหาทางรับมือไม่ได้ ยังไม่นับเรือดำน้ำล่องหนที่โผล่ที่ไหนทำตะวันตกขวัญหนีดีฝ่อ เพราะสามารถติดขีปนาวุธนิวเคลียร์ได้หลายลูก วันดีคืนดีก็ไปโผล่ที่ฮาวาย หรืออิตาลี จีนก็เพิ่งเปิดตัวโดรนล่องหนที่ติดอาวุธนิวเคลียร์ได้ไปหมาดๆ

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดสหรัฐฯ ได้เร่งการติดตั้งระเบิดนิวเคลียร์ B61-12 ที่ทันสมัยในฐานทัพของสมาชิกนาโต้ ในยุโรป โดยมีเป้าหมายให้สำเร็จภายในเดือนธันวาคมปีนี้ แทนที่จะเป็นปี ๒๐๒๓ หนังสือพิมพ์ออนไลน์ของสหรัฐฯ รายงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาตามข้อมูลล่าสุด  สถานการณ์เช่นนี้บ่งบอกว่า ความตึงเครียดนิวเคลียร์จะยิ่งเขม็งเกลียวยิ่งขึ้น เพราะสหรัฐฯจะทำทุกวิถีทางระดมพลพรรค ขย่มรัสเซียและจีนให้ได้ แน่นอนการต่อสู้ครั้งใหญ่เดิมพันด้วยระเบียบโลกใหม่ที่ยุติธรรมย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า??