หลังจากที่สัปดาห์ก่อนปูตินได้สั่งการ ยกระดับเกมรบ ล้อมกรุงเคียฟไว้ทุกทิศทาง เพื่อต้องการแช่แข็งยูเครนในช่วงหน้าหนาว ให้ยิ่งหนาวเหน็บ และไร้พลังงานไฟฟ้าใช้ รวมทั้งยังโจมตีในหลายภูมิภาคเพื่อต้อนให้ยูเครนจนมุมได้มากที่สุดด้วย โดยในเวลาต่อมา ผู้นำยูเครนออกมาสารภาพหมดตัวแล้ว ไม่เหลือแม้แต่เซ็นต์เดียว เตรียมขอเงินด่วน จะเอาไปซื้ออาวุธดี ๆ มาสู้รบกับรัสเซียต่อ แต่ดูท่าว่าจะไม่เป็นผล
ล่าสุดชาวยูเครนจำนวนมาก “อาจหนาวตาย” ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า จนกว่าตะวันตกจะช่วยพวกเขารับมือกับเค้าลางวิกฤตที่กำลังมาเยือน อันสืบเนื่องจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซีย ที่ถล่มโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงานของประเทศจนย่อยยับ วิตาลี คลิทช์โก นายกเทศมนตรีของกรุงเคียฟ เปิดเผยกับสื่อมวลชนสหราชอาณาจักรในวันศุกร์ ที่ 28 ต.ค.
ระหว่างให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เดลี เทเลกราฟ นายคลิทช์โก อดีตแชมป์มวยโลกรุ่นเฮฟวีเวต ยอมรับว่าชาวยูเครนจะเผชิญความท้าทายมหึมา “เรากำลังทำทุกอย่างเท่าที่เราสามารถทำได้เพื่อปกป้องวิถีชีวิตประชาชนของเรา และปกป้องพวกเขา”
คลิทช์โก เผยว่า คณะทำงานของเขาได้ทำการจัดซื้อเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจำนวนหนึ่ง ขณะเดียวกัน ก็จัดเตรียมจุดทำความร้อนเคลื่อนที่ 1,000 จุด ในกรุงเคียฟ ในมาตรการที่เขาบอกว่าเตรียมไว้รองรับกรณีสถานการณ์ดำดิ่งสู่ขั้นเลวร้ายสุด
นายกเทศมนตรีรายนี้ส่งสัญญาณว่าชาวยูเครนไม่ได้ต้องการแค่เฉพาะอาวุธและระบบป้องกันภัยทางอากาศจากตะวันตกเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงผ่าห่ม เสื้อกันหนาว และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าอีกด้วย “มันคือช่วงเวลาสำคัญ สำหรับลักษณะการสนับสนุนรูปแบบนี้”
นอกจากนี้ เขายังอ้างถึงความเสี่ยงในประเด็นด้านมนุษยธรรม เรียกร้องชาวยูเครนที่หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วให้พำนักอยู่ในต่างแดนต่อไปในฤดูหนาวนี้ ถ้าสามารถทำได้ “แต่เป้าหมายหลักของเราคือพาประชาชนของเรากลับมา คุณค่าที่สำคัญที่สุดของยูเครนคือพลเมืองของเราและประชาชนของเรา”
ความเห็นของนายกเทศมนตรีรายนี้ สะท้อนมุมมองเดียวกับ ไอรีนา เวเรสชุค รองนายกรัฐมนตรียูเครน ที่กล่าวเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ เรียกร้องให้ชาวยูเครนที่หลบหนีออกนอกประเทศ หลังจากรัสเซียเริ่มปฏิบัติการรุกรานในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ อย่าเพิ่งเดินทางกลับก่อนเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ เนื่องจากมอสโกโจมตีโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน
ขณะเดียวกัน ยูริ วิทเรนโก ประธานบริษัทนาฟโตก๊าซ รัฐวิสาหกิจพลังงาน เตือนพลเมืองว่า ยูเครนกำลังเจอกับฤดูหนาวที่สาหัสที่สุดเท่าที่เคยเผชิญมา พร้อมอ้างว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซียทำลายโรงงานผลิตไฟฟ้าของประเทศไปราว ๆ 40%
ยูเครนเผชิญกับปัญหาไฟฟ้าดับต่อเนื่องนับตั้งแต่มอสโกเปิดปฏิบัติการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงานของพวกเขา ในนั้นรวมถึงสถานีไฟฟ้าในวันที่ 10 ตุลาคม หลังกล่าวหาเคียฟโจมตีก่อการร้ายโครงสร้างพื้นฐานรัสเซีย ในนั้นรวมถึงสะพานไครเมียด้วย
อย่างไรก็ตามยูเครนดูเหมือนว่า จะไม่เข้าใกล้ชัยชนะที่คาดหวังไว้ นอกจากต้องเผชิญความหนาวเหน็บ ที่ไร้แม้แต่ไฟฟ้าใช้ และต้องทนกับความมืดมิดยามค่ำคืน นอกจากนี้ กองพันปืนใหญ่ “Kaskad” ของ DPR ยังคงรักษาผลงานคงเส้นคงว่า เข้าถล่มฐานที่มั่นของกองทัพยูเครนต่อเนื่อง ใกล้ อ.วูเลดาร์ พื้นที่แถบตะวันตกเฉียงใต้ ของตัวเมืองโดเนตส์ ในยูเครนด้วย ระหว่างที่ยูเครนกำลังรออาวุธจากตะวันตก ก็ต้องเผชิญกับความยากลำบากที่คาดไม่ถึงในแต่ละวัน จึงน่าติดตามต่อไปว่า รัสเซียจะเดินเกมต่ออย่างไร และเอาคืนโหดแค่ไหน หลังจากที่ยูเครนไปร่วมมือกับอังกฤษ เพื่อท้าทายรัสเซียรอบใหม่ด้วย