จากที่สื่อต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่ของอังกฤษร่างแผนปิดสถาบันขงจื๊อทั่วประเทศ สนองนโยบายนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่เคยประกาศสมัยหาเสียงเลือกตั้ง จะสั่งปิดสถาบันเผยแพร่วัฒนธรรมจากแดนมังกรเหล่านี้
โดย ริชี ซูนัก อดีตรัฐมนตรีคลัง ซึ่งเพิ่งเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษ สืบต่อจากนาง ลิซ ทรัสส์ ที่ลาออกไป เคยประกาศระหว่างการหาเสียงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมเมื่อเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมาว่า ถ้าได้เป็นหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมและนายกรัฐมนตรี จะสั่งปิดสถาบันขงจื๊อที่มีอยู่ทั้งหมด 30 แห่งในประเทศ
ทั้งนี้นายซูนักตราหน้าจีนว่า เป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงที่สุดต่ออังกฤษ และความมั่นคงของโลก ตลอดจนความเจริญรุ่งเรืองแห่งศตวรรษนี้
สถาบันขงจื๊อจัดตั้งขึ้นในมหาวิทยาลัยทั่วอังกฤษ เพื่อสอนภาษาและวัฒนธรรมจีนแก่นักศึกษาต่างชาติ อย่างไรก็ตาม สถาบันถูกกล่าวหาว่า แท้ที่จริงเป็นองค์กรแฝงการเมือง และถูกพรรคคอมมิวนิสต์จีนใช้เป็นด่านหน้าในการปราบปรามผู้แสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์จีน ตามที่สื่ออังกฤษทราบมา
นางทรัสส์ เคยแถลงต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ว่า ได้สั่งให้มีการเตรียมการเพื่อปรึกษาหารือในเรื่องการปิดสถาบันขงจื๊อแล้ว ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันว่า ภายหลังการแต่งตั้งนายซูนักเป็นผู้นำรัฐบาล เจ้าหน้าที่จึงกำลังรีบดำเนินการร่างแผนโดยไม่รอช้า และตัวนายซูนักเองก็ถูกนักการเมืองสายเหยี่ยวภายในพรรคอนุรักษ์นิยมกดดันเรื่องนี้ทันที
ด้านนาย โรเบิร์ต คลาร์ก ผู้อำนวยการด้านการป้องกัน และความมั่นคงของสถาบันคลังสมองซิวิทัส (Civitas) ระบุว่า นาย ซูนัก พาตัวเองเข้าสู่สถานการณ์ที่จำเป็นจะต้องเด็ดเดี่ยวกับจีนมากขึ้น การปิดสถาบันขงจื๊อเท่ากับเป็นการส่งสารที่แข็งกร้าวว่า อังกฤษจะไม่ยอมให้จีนเข้ามาปฏิบัติการชั่วร้าย และแทรกแซงภาคประชาสังคมอังกฤษในระดับอุดมศึกษาได้อีก
ขณะที่สถาบันคลังสมอง ซึ่งสนับสนุนระบอบประชาธิปไตยอีกราย จี้ให้นายซูนักรักษาสัญญา และจัดการให้องค์กร ที่มีแนวโน้มเป็นอันตราย ออกไปให้พ้นเกาะอังกฤษ ส่วนส.ส. เมืองผู้ดีบางคนเสนอแนะให้รัฐบาลหันไปร่วมมือทำโครงการภาษาและวัฒนธรรมกับชาติอื่น ๆ ซึ่งมีผู้พูดภาษาจีนกลางจำนวนมากแทน เช่น ไต้หวัน
ปัจจุบัน สถาบันขงจื๊อถูกสั่งปิดแล้วในหลายประเทศ เช่น สวีเดน ขณะที่สหรัฐใช้วิธีจำกัดการให้เงินทุนแก่มหาวิทยาลัยใดก็ตาม ที่อนุญาตให้สถาบันขงจื๊อเข้ามาตั้ง
สำหรับรัฐบาลอังกฤษจะมีอำนาจในการสั่งยุบได้ทันที หากรัฐบาลมีการแก้ไขร่างกฎหมายอุดมศึกษา (เสรีภาพในการพูด) และร่างกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งกำลังเข้าสู่การพิจารณาของสภา
นอกจากจะสั่งปิดสถาบันขงจื๊อ ระหว่างการหาเสียงแล้ว นายซูนัก ยังเคยให้คำมั่นจัดการกับจีนอีกหลายเรื่องเช่น การสกัดกั้นการพัฒนาเทคโนโลยี โดยการแก้ไขร่างกฎหมายอุดมศึกษาเพื่อให้มหาวิทยาลัยในอังกฤษเปิดเผยข้อมูลการรับเงินสนับสนุนจากหุ้นส่วนต่างชาติกรณีสูงกว่า 5 หมื่นปอนด์ การทบทวนโครงการวิจัยร่วมระหว่างอังกฤษกับจีนทั้งหมด ที่มีความเสี่ยงว่า จะถูกจีนลอบใช้ไปในการพัฒนาอาวุธ หรือเทคโนโลยีขั้นสูง
ก่อนพ้นจากทำเนียบถนนดาวนิ่ง นางทรัสส์เองก็เคยเตรียมการ ที่จะขึ้นบัญชีจีนอย่างเป็นทางการครั้งแรกในฐานะภัยคุกคามต่ออังกฤษ ซึ่งเป็นการสานต่อนโยบายของรัฐบาลสมัยนายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน เมื่อปี 2564 ซึ่งระบุว่า จีนเป็นชาติคู่แข่งทั่วทั้งระบบสำหรับอังกฤษ
อย่างไรก็ตาม นักวิชาการหลายคนเตือนว่า การตราหน้าจีนว่าเป็นภัยคุกคาม เท่ากับเป็นการเรียกแขก ให้จีนออกมาตอบโต้ นับเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดเลยโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรัฐบาล ที่มีความเป็นชาตินิยมสูง ภายใต้การนำของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ซึ่งระบุว่ารัฐบาลใดก็ตาม ที่ดำเนินการดังกล่าว ย่อมถือว่า เป็นการต่อต้านจีนเท่านั้นเอง