จากที่วันนี้ 28 ตุลาคม 2565 Blockdit WorldUpdate ได้โพสต์ข้อความถึงสถานการณ์ของยูเครน เมื่ออาวุธและพลังงานต่างๆภายในประเทศเข้าสู่วิกฤตหนัก ขณะที่มีรายงานชาติพันธมิตรจะทยอยลอยแพ เพราะสู้ต่อไปก็พ่ายแพ้แก่รัสเซีย
ทั้งนี้เนื้อหาที่ Blockdit WorldUpdate นำมาเผยแพร่ได้ระบุแหล่งที่มาจาก Military cognizance และ RT Afrique ซึ่งมีบางส่วนที่สำคัญชวนติดตามว่า
“กฎของสงครามนั้น ฝ่ายใดมีปัจจัยพลังงาน, เงินตราและเศรษฐกิจ, แสนยานุภาพอาวุธ,โลจิสติกส์ , แรงสนับสนุนจากประชาชน , การเมืองในชาติ , อาหาร ฝ่ายนั้นก็มีชัยไปแล้วเกินครึ่ง ในขณะนี้เมื่อเปรียบเทียบ 2 ฝ่าย ในสมรภูมิยูเครนนั้น ประเมินสถานการณ์แต่ละด้าน
ปัจจัยด้านพลังงาน ฝ่ายรัสเซีย ทรัพยากรพลังงานน้ำมัน ก๊าซ ถ่านหิน ยูเรเนียม เป็นของตนเองมากล้นเหลือเฟือ ใช้ในประเทศไม่หมดก็ส่งออกขายพันธมิตร สร้างรายได้เพิ่มขึ้นตลอดเวลา
ฝ่ายกองกำลังผสม NATO และชาติพันธมิตร มีเฉพาะสหรัฐ แคนาดา ออสเตรเลีย และนอร์เวย์ ที่พอจะเอาตัวรอดได้ แต่ต้องเจียดมาขายจนเกิดวิกฤติพลังงานในอีกกว่า 30 กว่าชาติพันธมิตรที่ไม่มีพลังงานของตนเอง ปัจจัยนี้จึงเสียเปรียบฝ่ายรัสเซียอย่างมากที่สามารถยืนระยะยืดเยื้อได้นานตามต้องการ
แสนยานุภาพอาวุธ รัสเซีย มีโรงงานผลิตอาวุธเอง และส่งออกอาวุธอันดับต้นของโลก สายการผลิตต่อเนื่องลงตัว มีแต่ขยายเพิ่ม มีวัตถุดิบเหล็กกล้า และแร่พลวงวัตถุระเบิดเหลือเฟือ
ระบบอาวุธมีเอกภาพ ปริมาณอาวุธทั้งลูกสั้น ลูกยาว สต็อคมากกว่าสหรัฐ และชาติ NATO รวมกัน และยังมีพันธมิตรอาวุธจีน อิหร่าน พร้อมส่งตลอดเวลา
ฝ่ายกองกำลังผสม NATO และชาติพันธมิตร ขาดวัตถุดิบแร่พลวง มีสต็อคอาวุธจำกัด หลากหลายรุ่น อาวุธใช้ระบบร่วมกันไม่ได้ ไม่เป็นเอกภาพ เกี่ยงกันและต้องบีบบังคับส่งอาวุธเก่าเก็บให้ยูเครน
แต่ละชาติก็ไม่ได้มีสต็อคลูกปืนใหญ่ของตนมากมาย ใช้ทดแทนกันแต่ละรุ่นก็ไม่ได้ กระบอกแตกทันที ที่ร้ายสุดคือ ขาดเครื่องบินรบและขีปนาวุธลูกยาว , ขาดระบบต่อต้านอากาศสกัดอาวุธไฮเปอร์โซนิครัสเซีย แม้แต่โดรนกามิกาเซ่รัสเซีย ก็ยังไม่มีระบบใดจะสกัดได้
ระบบโลจิสติก รัสเซียระยะทางอยู่ใกล้แค่เอื้อม ขนลำเลียงมาทางรถไฟจากแผ่นดินแม่ได้ตลอดเวลา สะพานไครเมียก็ปรับปรุงเป็นปกติเหมือนเดิมแล้ว และยังสร้างถนนลาดยางใหม่ยาวเลาะชายทะเลอาซอฟ จึงขนอาวุธ อุปกรณ์ เสบียง กำลังพลกันทั้งวันทั้งคืน
ฝ่ายกองกำลังผสม NATO แต่ละชาติ ขนมาไกลมากจนไม่ทันต่อสถานการณ์ ศูนย์ขนส่งทางราง โดนโจมตีด้วยโดรนกามิกาเซ่พุ่งชนหมด ซ่อมได้ไม่นานก็โดนโจมตีซ้ำอยู่แบบนั้น เกิดปัญหาระบบโลจิสติกส์จนอ่อนใจ
รัสเซีย รู้จุดอ่อนฝ่ายตรงข้ามได้ดี จึงโจมตีพลังงานไฟฟ้า คลังน้ำมันกองทัพยูเครนไป 100,000 ตันในภาคกลางไฟลุกท่วม เครื่องบินรบ และเฮลิคอปเตอร์ ก็ไม่มีน้ำมันเติม จึงแทบจะไม่มีอากาศยานฝ่ายกองกำลังผสม NATO บินขึ้นสนับสนุนแล้วตอนนี้
ไฟฟ้าดับ น้ำประปาไม่ไหล ทั้งประเทศ ระบบสื่อสารล้มเหลว เป็นอะไรที่บั่นทอนขวัญกำลังใจอย่างมาก ทำให้ทหารยูเครนแนวหน้า เลือกที่ยอมแพ้และมอบตัวกับฝ่ายรัสเซีย”