หลังจากที่รัสเซียได้ทำเงินมหาศาลเข้าประเทศของตัวเอง สวนทางกับการที่ชาติอื่น ๆ ร่วมมือกันคว่ำบาตรมาต่อเนื่องนานหลายเดือน โดยรัสเซีย ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานส่งออกก๊าซเหลว LNG และถ่านโค้กที่ใช้ในอุตสาหกรรม เช่น การผลิตเหล็กกล้า ปริมาณมากเป็นประวัติการณ์ไปยังจีน , ถ่านหินโดยรวม เพิ่มขึ้น 20% เป็นเกือบ 7 ล้านตัน , ก๊าซเหลว LNG ทางเรือกว่า 819,000 ตัน หรือเพิ่มขึ้น 1.33 เท่า , น้ำมันกว่า 54.6 ล้านบาร์เรล ขยายตัวมากขึ้น 1.22 เท่า
เฉพาะเดือน ก.ย. “แค่เดือนเดียว” มหาศาลถึง 4.60 แสนล้านรูเบิล ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 1.59 เท่า , มูลค่านี้ยังไม่รวมการส่งออกก๊าซ LPG ทางท่อหลักไซบีเรีย , แร่ยูเรเนียมสำหรับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ , สินค้าเหล็กกล้า , อลูมิเนียม ทองคำ , เพชร ฯลฯ นอกจากนี้รัสเซียยังส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ไปยังอินเดีย เอเซีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา อเมริกาใต้ ฯลฯ อีกมากมหาศาลสุดพรรณา
ทั้งนี้ในเพจเฟซบุ๊ก World Update ได้รายงานต่ออีกว่า รัสเซีย มีพื้นที่กว้างใหญ่มากกว่าอีกหลายทวีปรวมกัน และโชคดีซ้ำสองเมื่อพื้นที่ครอบครองเหล่านั้นเป็นแหล่งสำรองพลังงานต่างๆ ในสัดส่วนกว่า 30% ของโลก ที่เป็นสินค้าโภคภัณฑ์จำเป็นสำหรับมนุษย์ ขาดไม่ได้ รัสเซีย จึงเป็นยักษ์ใหญ่ส่งออกพลังงานในกลุ่ม OpecPlus และอยู่ในกลุ่ม BRICS ที่มีสัดส่วนการค้าต่อโลกสูงมาก ในช่วงปี 2013 – 2021 เฉพาะจีนประเทศเดียวช่วยให้เศรษฐกิจโลกโตขึ้นถึง 38.6% ในขณะที่กลุ่มชาติอุตสาหกรรม G7 ที่นำโดยสหรัฐ รวมกันกลับมีส่วนช่วยเศรษฐกิจโลกเพียง 25.7% เท่านั้น เทียบกันไม่ได้เลย
รัสเซีย-จีน ยังร่วมกันจัดระเบียบโลกใหม่หลายขั้วที่เป็นธรรม รื้อทำลายระเบียบโลกเก่าขั้วเดียว ที่ชาวตะวันตกกำหนดกติกาฝ่ายเดียวให้ชาวโลกเดินตามมานานเกือบ 8 ทศวรรษ ทำให้คำสั่ง กติกา ใดจากสหรัฐ และบริวารจึงลดอิทธิพลต่อชาวโลกลงเรื่อยๆ ประมาณว่า “อยากสั่งก็เอาตามสบายใจ แต่ไม่ทำตาม”
ขณะที่รัสเซียกำลังร่ำรวยแบบอู้ฟู่ ด้านสหรัฐฯกำลังย่ำแย่ เพราะขณะนี้ สหรัฐสูบน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ฉุกเฉินในยามสงครามออกมาใช้ประทังชีพไปแล้ว 180 ล้านบาร์เรล หรือเฉลี่ย 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน จนเหลือเพียง 400 ล้านบาร์เรล ถ้าใช้ในอัตรานี้คงที่ น้ำมันดิบสำรองจะหมดสิ้นในเวลาราว 13 เดือน , ภาพรวมทั้งประเทศสหรัฐฯ ขณะนี้เหลือสต็อคน้ำมันดีเซลต่ำมากแค่ราว 25 วันเท่านั้น , รถบรรทุก เครื่องจักร รถที่ใช้น้ำมันดีเซล คิดเป็นสัดส่วนราว 70% ของการขนส่งโลจิสติกสินค้าในสหรัฐ จะฉุดกระชากเศรษฐกิจขาดกระจุยทั้งระบบ ท่ามกลางปัญหาค่าครองชีพ และพลังงานที่ลดน้อยลง ทำให้รัฐบาลไบเดนคิดไม่ตกว่าจะต้องจัดการอย่างไรต่อไป รวมทั้งยังเจอปัญหาที่ส.ส. จำนวนหนึ่ง เรียกร้องอยากจบสงคราม แต่ส.ส. บางส่วนก็ยังเลิกหนุนไบเดน ว่าให้ผลักดันสงครามยูเครนต่อไป จนกว่าจะปิดฉาก
