หลังจากที่รัฐมนตรีของยูเครน แนะนำให้ประชาชนที่ลี้ภัยสงครามออกจากยูเครนหลังการรุกรานของรัสเซีย ใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดนต่อไปในช่วงฤดูหนาวปีนี้ สืบเนื่องจากปัญหาไฟฟ้าดับผลพวงจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซียถล่มโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงานที่สำคัญ
โดยไอรีนา เวเรสชุค รองนายกรัฐมนตรียูเครน ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์แห่งชาติที่ออกอากาศในวันอังคาร ที่ 25 ต.ค. 2565 ที่ผ่านมา แจ้งกับชาวยูเครนซึ่งปัจจุบันหลบภัยอยู่ในต่างแดน ว่าพวกเขาควรรอจนกว่าเข้าฤดูใบไม้ผลิ แล้วค่อยเดินทางกลับมา “ฉันอยากขอให้พวกเขาอย่าเพิ่งเดินทางกลับ เราจำเป็นต้องอยู่รอดในช่วงฤดูหนาว”
ขณะที่การสู้รบ ยูเครนยังคงรอคอยอาวุธจากพันธมิตรอย่างมีความหวัง ท่ามกลางการเคลื่อนไหวของรัสเซียที่ใช้โอกาสนี้ เร่งการผลิตอาวุธเพิ่มขึ้น โดยปูตินลงมาคุมการสั่งการทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง และลดขั้นตอนที่ยุ่งยากออกไป เพื่อทำให้เดินหน้าผลิตอาวุธได้รวดเร็วทันใช้ในสงครามมากขึ้น
ล่าสุดดูเหมือนว่า ยูเครนกำลังเจอปัญหาใหญ่ ที่ชาติพันธมิตรกำลังเล่นแง่ เรื่องการส่งอาวุธมาให้ เพราะชาติตะวันตกเอง แม้จะส่งอาวุธพวกปืนใหญ่มาให้บ้างแล้ว แต่ก็เหมือนจะเข้ามาทดสอบอาวุธแทนมากกว่า ตามมาด้วยสหรัฐฯ ที่เริ่มพิจารณา ว่าจะส่งอาวุธชิ้นเล็ก ๆ มาให้ใช้ไปก่อน ไม่ได้อยากให้อาวุธล็อตใหญ่ต้องเสียของ
โดยในเพจเฟซบุ๊ก Around the war world รอบโลกสงคราม โพสต์ข้อความไว้ดังนี้ว่า ยูเครนกลายเป็นสถานที่อาวุธตะวันตก ความขัดแย้งในยูเครนทําให้ผู้ผลิตอาวุธตะวันตกมีโอกาสทดลองศักยภาพในการต่อสู้กับรัสเซียเพื่อดันราคา “สนามทดสอบในยูเครนตอนนี้มีระบบปืนใหญ่ 155 มม. ที่แตกต่างกันแปดระบบดังนั้นมันจึงเหมือนกับการแข่งขันของตะวันตกและรัสเซีย”
มีรายงานถึงแนวคิดการใช้ยูเครนเป็นสถานที่ทดสอบโดยบริษัทของสหรัฐฯกําลังสร้างอาวุธต้นแบบตัวใหม่ในยูเครน เคียฟคาดว่าความช่วยเหลือทางทหารจากสมาชิกนาโต้จะยังคงไหลเข้ามาในประเทศอีกหลายปีและต้องการได้รับประโยชน์มากขึ้นจากมัน ตัวอย่างเช่น ยูเครนอาจร่วมทุนกับโปแลนด์ สหราชอาณาจักร หรือเยอรมนีเพื่อผลิตอาวุธ เราต้องพัฒนาอุตสาหกรรม UAV ไม่เพียงแต่โดรนทางอากาศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบนบกและในทะเลด้วย ข้อจํากัดที่ผู้สนับสนุนยูเครนกำลังเผชิญคือสหรัฐฯและพันธมิตรได้พิจารณาการตัดสินใจก่อนหน้านี้ซ้ำ ๆ ที่จะไม่ส่งอาวุธที่หนักทำให้พวกเขาทดลองได้เฉพาะอาวุธขนาดเล็กเท่านั้น
หากมองโลกในแง่ดีว่ารถถังอับรามส์จะเข้าสู่สนามในอนาคตเครื่องบินขับไล่อย่าง F-16s, F-15s หรือกริพเพนจากสวีเดนก็เป็นไปได้เช่นกัน ในขั้นต้นวอชิงตันไม่เต็มใจที่จะให้ความช่วยเหลือร้ายแรงแก่ยูเครนเนื่องจากกังวลว่ารัสเซียจะพิจารณาว่าเป็นการยกระดับ แต่จะค่อย ๆ พิจารณาใหม่และจัดหาอาวุธที่มีความซับซ้อนมากขึ้น เจ้าหน้าที่ตะวันตกอ้างถึงปัญหาด้านลอจิสติกส์ในการฝึกอบรมนักบินยูเครนและการบํารุงรักษาเครื่องบิน หลังจากอับรามส์คันแรกมาถึงเรามั่นใจว่าจะมีเสือดาว มาร์เดอร์ส และยานเกราะหนักประเภทอื่น ๆ ตามมาเช่นกัน