เซเลนสกีขบกราม แฉEU-USAฉุนไม่ให้เงินเพิ่ม! บิ๊กอียูเต้นผาง ต้องเตรียมไว้ซื้อก๊าซฤดูหนาว

0

จากกรณีประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เรียกร้องนานาชาติมอบความช่วยเหลือทางการเงินแก่ยูเครนเพิ่มอีก เพราะเคียฟจำเป็นต้องใช้เงินอีกมากในการซ่อมแซมโรงเรียนและอาคารบ้านเรือนที่เสียหายนั้น

ทั้งนี้สื่อต่างประเทศรายงานว่า ในหารือทางไกลร่วมกับรัฐมนตรีคลังของชาติต่างๆ ระหว่างการประชุมประจำปีของธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.

เซเลนสกี ระบุว่า ยูเครนต้องใช้งบอีกไม่ต่ำกว่า 55,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นเงินชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีหน้า 38,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และวงเงินสำหรับซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐาน บ้านเรือน และโรงเรียนอีก 17,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ล่าสุดวันนี้ 24 ตุลาคม 2565 ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ออกมาโพสตืข้อความผ่าน Blockdit  ถึงการช่วยเหลือยูเครนว่า

“เซเลนสกีบอกอียูว่า ‘ต้องการเงินด่วนและต้องได้เดือนละ ๓-๔ พันล้านยูโรเพื่อให้บริหารประเทศ พ้นไปจากการเป็นรัฐล้มเหลว (failed state) ในขณะนี้ได้’

นางอัวร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานกรรมาธิการอียู ก็เก๋าไม่ใช่เล่นครับ นางรู้ดีว่าตอนนี้อียูเองก็กรอบ  ต้องเตรียมเงินไว้ซื้อก๊าซในช่วงฤดูหนาวและช่วยเหลือประชาชนในยามของแพง จะทุ่มเทให้เซเลนสกีก็เหมือนเตี้ยอุ้มค่อม

แต่ถ้าไม่ให้ เซเลนสกีอาจแฉกลุ่มประเทศอียู และอเมริกาว่าเป็นผู้บงการให้นีโอฯก่อการร้ายรัสเซียมาตั้งแต่ปีพ.ศ ๒๕๕๗ และแผนก่อการร้ายในรัสเซียอื่นๆ อีกสารพัดได้

นางจึงบอกว่า ‘เอางี้ก็แล้วกัน ตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๕๖๖ เป็นต้นไป อียูจะจัดสรรให้เดือนละ ๑.๕ พันล้านยูโร ให้มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว’ เซเลนสกีตอบตกลง

ประเด็นก็คือยังเหลืออีกพฤศจิกายนและธันวาคม ภายในสองเดือนนี้ ยูเครนจะเหลือให้เซเลนสกีปกครองกี่แคว้นครับ?”

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานการประชุมฉุกเฉินในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่รัสเซียปูพรมยิงขีปนาวุธทั่วยูเครนเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ซึ่งได้คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 14 รายและบาดเจ็บ 97 ราย โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐ สหภาพยุโรป (อียู) และองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ต่างออกมาแสดงความตกใจและความวิตกกังวลต่อการโจมตีดังกล่าวที่เกิดขึ้น

โดยการโจมตีดังกล่าวนอกจากจะทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากแล้ว ยังสร้างความเสียหายให้แก่ส่วนสำคัญของโครงข่ายพลังงานของยูเครน ทำให้กระทรวงพลังงานของยูเครนต้องออกประกาศว่า จะหยุดการส่งออกไฟฟ้าไปยังอียู ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม เป็นต้นไป