‘ดอกเตอร์ดูม’สมญานามที่นักลงทุนสหรัฐฯเรียกนักเศรษฐศาสตร์ นูเรียล รูบินี(Nouriel Roubini)ทำนายถึงวิกฤตที่เลวร้ายที่สุดในครึ่งศตวรรษ ที่มาจากเศรษฐกิจสหรัฐมีภาวะเงินเฟ้อที่ร้อนแรง จะนำไปสู่ความล้มเหลวทางการเงินทั่วโลก ส่งผลให้ธนาคารใหญ่หลายแห่งต้องล้มละลายเป็นโดมิโน
วันที่ ๒๓ ต.ค. สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และบลูมเบิร์ก รายงานว่าตลาดการเงินโลกควรเตรียมพร้อมสำหรับช่วงขาลงซึ่งจะรุนแรงกว่าการล่มสลายในปี ๑๙๗๐ และ ๒๐๐๘ ตามที่นักเศรษฐศาสตร์ที่มีชื่อเสียง ศาสตราจารย์นูเรียล รูบินี (Nouriel Roubini) จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์กกล่าวทำนาย
เขาให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบลูมเบิร์กเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาเตือนว่า “ในที่สุดธนาคารกลางจะเลิกใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น ก่อนที่อัตราเงินเฟ้อจะพ่ายแพ้ แต่มันจะเลวร้ายลง ภาวะถดถอย และคุณจะเจอวิกฤตทางการเงินแน่นอน”
เขาชี้ไปที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯร่วงลงมากกว่า๒๐% ในปีนี้ การลงทุนในหุ้นเอกชน อสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯ ที่นิ่งเย็นตัวลง และตลาดสินเชื่อที่ตกต่ำ ซึ่งบริษัทต่างๆ ใช้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยต่ำมานานหลายปีเพื่อสร้างหนี้ก้อนโตมหาศาล
เขาอธิบายพร้อมเสริมว่า“อัตราเงินเฟ้อจะไม่ลดลงเร็วพอเพราะคุณมีอุปทานติดลบที่น่าตกใจ” “จำไว้ว่าเมื่อคุณมีอุปทานติดลบ คุณจะเข้าสู่ภาวะถดถอยและเงินเฟ้อสูง เราจะไม่สามารถทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลงอย่างรวดเร็วพอที่จะไปถึง ๒%อย่างที่เฟดหวัง”
จากข้อมูลของรูบินี ผลลัพธ์ทั้งหมดนี้จะเป็นช่วงเวลาที่รวมช่วงที่เลวร้ายที่สุดของปี ๑๙๗๐ และวิกฤตการเงินโลก “นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความเจ็บปวดนั้น รอจนเจ็บจริง แล้วคุณมีสถาบันการเงินรายใหญ่ที่อาจแตกแยกไปทั่วโลก ไม่ใช่แค่ในสหรัฐฯ ในตอนนี้ แต่ในระดับสากลอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง”
นักเศรษฐศาสตร์เตือนแรงว่า “มีบริษัทสองสามแห่งที่ใหญ่โตและเป็นระบบพอ พวกเขาสามารถฝ่าไปได้ คุณอาจเจอเอฟเฟกต์เลห์แมนอีกกรณีหนึ่ง จากนั้นเฟดก็จะต้องพ่ายแพ้ คุณจะมีภาวะถดถอยอย่างรุนแรงและคุณจะต้องตกใจกับตลาดการเงิน พวกเขาจะอ่อนแออย่างแน่นอน”
ศาสตราจารย์รูบินีมีชื่อเสียงในการทำนายวิกฤตการณ์ทางการเงินในปี๒๐๐๘-๒๐๐๙ และถูกขนานนามว่าดร.ดูม(‘Doctor Doom’) โดยวอลสตรีท
ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้บลูมเบิร์กได้คาดการณ์ภาวะถดถอยของสหรัฐแตะที่ 100% แล้ว สวนทางปธน.โจ ไบเดนและก.การคลังสหรัฐย้ำว่าไม่ถดถอยและจะคลี่คลายเนื่องจากมาตรการของรัฐบาล
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เอเจนซี่รายงานว่าการชะลอตัวที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อาจเกิดขึ้นเร็วกว่านั้น โมเดลนี้คืนโอกาส ๗๓% ที่จะเกิดขึ้นภายใน ๑๑ เดือนและโอกาส ๒๕% ในอีก ๑๐ เดือน
ผลลัพธ์เหล่านั้นน่ากลัวกว่าครั้งสุดท้ายที่ Bloomberg ใช้แบบจำลองอย่างมาก เมื่อคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะถดถอยภายในปีด้วยความแน่นอนเพียง ๖๕% เป็นเรื่องที่มืดมนกว่าการคาดการณ์ของปธน.โจ ไบเดน ซึ่งยืนยันว่าสหรัฐฯ จะหลีกเลี่ยงภาวะถดถอย ดังนั้นนักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากจึงคิดว่า เมกากำลังซุ่มซ่อนอยู่ตรงหัวมุมวิกฤต หากเกิดภาวะถดถอยขึ้นมา เพราะผู้นำกล่าวว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก
ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทุกคนที่แน่ใจถึงชะตากรรมของสหรัฐฯ การสำรวจของนักเศรษฐศาสตร์ ๔๑ คนคาดการณ์ว่ามีโอกาส ๖๐% ที่เศรษฐกิจจะถดถอยในอีก ๑๒ เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของพวกเขาแย่ลงตั้งแต่การคาดการณ์ครั้งล่าสุด ซึ่งทำให้ประเทศมีโอกาสเพียง ๕๐% ที่จะหลุดพ้นจากภาวะตกต่ำ
การสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์อีกกลุ่มหนึ่งซึ่งจัดทำโดย Wall Street Journal เมื่อวันจันทร์ พบว่าสหรัฐฯ มีแนวโน้มถดถอยถึง ๖๓% ภายในปีนี้ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งสูงชันและรวดเร็วหลังจากหลายปีที่ไม่มีกิจกรรมใดๆ มากกว่าครึ่งของผู้ตอบแบบสำรวจแนะนำว่าธนาคารกลางจะคงอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าปกติ และทำให้เศรษฐกิจสั่นคลอนในที่สุด
อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ ๔ ทศวรรษ แม้ว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อพยายามควบคุมค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น ในขณะที่ ไบเดน ได้เพิ่มจำนวนงาน ด้วยความหวังว่าจะให้ผลบวกแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อให้เครดิตเขาในด้านเศรษฐกิจ โดยยืนยันว่าการเงินของสหรัฐนั้น “แข็งแกร่งราวกับนรก ” และประเทศอื่นๆ ในโลกที่มีปัญหาก็เพราะบริหารไม่ดีเอง ตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาได้ทิ้งช่องว่างทางการเงินขนาดใหญ่ไว้ในประเทศ นับตั้งแต่เข้าสู่ทำเนียบขาวเมื่อไม่ถึง ๓ ปีที่ ไบเดนได้เพิ่มหนี้ของประเทศจำนวน ๓.๓๗ ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ยอดรวมอยู่ที่ ๓๑ ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐที่ไม่มีโอกาสจะใช้หนี้ได้เลยไปอีกหลายสิบปี
ในขณะที่หลายคนในพรรครีพับลิกัน และแม้แต่พรรคเดโมแครตบางคน กล่าวโทษไบเดนสำหรับความโชคร้ายทางการเงินของสหรัฐ อดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เพิ่มหนี้ของชาติมากกว่า ๗ ล้านล้านดอลลาร์เช่นกัน ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการพิมพ์เงินที่ท่วมท้นเพื่อต่อสู้กับโควิด -๑๙ ระบาด
วันนี้สหรัฐเป็นเจ้าภาพหนุนหลังสงครามตัวแทนในยูเครนอย่างเต็มสูบ และประกาศส่งเงินสนับสนุนเซเลนสกี้นับตั้งแต่เกิดสงครามด้วยงบฯกว่า ๑๗,๐๐๐ ล้านดอลลาร์แล้ว เพื่อต้องการเอาตัวรอดจึงผลักวิกฤตไปให้โลกทั้งใบแบกรับด้วย!!!