อังกฤษซึ่งเป็นคู่หูของสหรัฐฯที่มีบทบาทนำในการต้านรัสเซียและจีนอย่างเอาการเอางาน วันนี้อลหม่านนอกจากปัญหาเศรษฐกิจบีบคั้น การเมืองก็วุ่นวาย ล่าสุดกลาโหมเพิ่งออกมาโวย เครื่องบินสอดแนมรีคอนของกองทัพอากาศอังกฤษ โดนเครื่องบินรบขับไล่รัสเซีย ซู-๒๗(Su-27) ลูบคม ยิงมิสไซล์ใส่ไม่ห่างจากตัวเครื่องระหว่างกำลังปฏิบัติการลาดตระเวนในทะเลดำ แต่ทว่ามอสโกว์ออกคำชี้แจงต่อลอนดอนว่า เกิดมาจากการขัดข้องทางเทคนิคเป็นผลทำให้มิสไซล์ปล่อยออกมา ทำกลาโหมอังกฤษหัวร้อน สั่งว่าต่อไปลาดตระเวนให้ติดอาวุธไปพร้อมกับเครื่องบินขับไล่ ไปสอดแนมเขาพอโดนสั่งสอนทำเป็นโวย เหมือนกรณีเอาเรือเข้าไปเฉียดแผ่นดินรัสเซียโดนยิงเตือนเมื่อปลายปีที่แล้วไม่มีผิด
ในขณะเดียวกันเกิดภาวะช่องว่างการนำของรัฐบาลอังกฤษ เมื่อนายกรัฐมนตรีลิซ ทรัซซ์ลาออก สื่ออังกฤษเผย ริชี ซูนาค (Rishi Sunak) กลายเป็นผู้สมัครเต็งหนึ่งในศึกชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอังกฤษคนใหม่ หลังแหล่งข่าวชี้รวบรวมเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภาสามัญชนของพรรคอนุรักษนิยม หรือพรรคคอนเซอร์เวทีฟ ได้แล้วเกือบ ๑๐๐ คน
อดีตนายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน ซึ่งคาดว่าจะลงชิงชัยตำแหน่งหัวหน้าพรรคอีกครั้ง ตามมาเป็นที่ ๒ ด้วยเสียงสนับสนุนจาก ส.ส. ๔๔ คน และมีรายงานว่า เขากำลังเดินทางกลับจากพักร้อนที่ประเทศแถบแคริบเบียน ขณะที่ เพนนี มอร์ดอนท์ (Penny Mordaunt) อดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมหญิงคนแรกของอังกฤษซึ่งเปิดตัวลงสนามแข่งขันเป็นคนแรก ได้เสียงสนับสนุนแค่ ๒๑ เสียง ส่อเค้าลางคนหน้าเดิมจะกลับมา และคงมาสานต่อโอบอุ้มยูเครนต่อต้านจีนอย่างเต็มสูบ
วันที่ ๒๓ ต.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวซีบีเอสนิวส์และเซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์รายงานว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมารัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ เบน วอลเลซ (Ben Wallace) แถลงวันพฤหัสบดีที่ ๒๐ ต.ค. ยืนยันเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่๒๙ ก.ย.ที่ผ่านมาว่า เครื่องบินสอดแนมอังกฤษ รีคอน-๑๓๕ ดับเบิลยู(RC-135W)ที่ไม่มีอาวุธ ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนในยุโรปตะวันออก เขตทะเลดำ ได้พบกับเครื่องบินรบขับไล่รัสเซีย ๒ ลำรุ่นซู-๒๗ (Su-27) และเกิดการกระทบกระทั่งตามมา
วอลเลซแถลงกับเพื่อน ส.ส.ที่กรุงลอนดอนว่า หนึ่งในเครื่องบินรบขับไล่รัสเซียได้ปล่อยขีปนาวุธออกมาใกล้กับเครื่องบินรีคอนของกองทัพอากาศราฟ (RAF) กลางทะเลดำ
“มันไม่เป็นเรื่องผิดปกติที่เครื่องบินจะถูกตามประกบ และในวันนี้ไม่แตกต่างออกไป แต่ทว่าในระหว่างการพัวพันนั้นพบว่าหนึ่งในเครื่องบินซู-๒๗ ได้ปล่อยมิสไซล์ไปยังบริเวณใกล้เคียงของเครื่องบินสอดแนมอังกฤษอาร์ซี-๑๓๕ รีเวตจอยท์ (RC-135 Rivet Joint) เหนือพิสัยการมองเห็น”
พร้อมกับชี้แจงว่า เหตุการณ์เผชิญหน้านั้นกินระยะเวลาร่วม ๙๐ นาที พร้อมกับเครื่องบินรีคอนของราฟ (RAF) เดินทางกลับฐานหลังเสร็จปฏิบัติการ และเปิดเผยว่าได้แสดงความวิตกต่อเรื่องนี้ร่วมกับรัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย เซอร์เก ชอยกู โดยตรงจากประเด็นที่อาจจะนำมาสู่การปะทะอย่างเป็นอันตราย
โดยในจดหมายถึงชอยกู วอลเลซ กล่าวอย่างชัดเจนว่าเครื่องบิน RAF Rivet Joint ของอังกฤษนั้นไม่มีอาวุธและกำลังปฏิบัติการอยู่ในเขตน่านฟ้าสากล และเดินทางบินตามเส้นทางที่ได้แจ้งล่วงหน้าให้ทราบ
อย่างไรก็ตาม วอลเลซเปิดเผยว่า ในจดหมายตอบกลับจากมอสโกว์ที่มาถึงเมื่อต้นเดือนตุลาคมกล่าวแสดงเหตุผลว่า มีปัญหาขัดข้องทางเทคนิคบนเครื่องบินเจ็ตขับไล่รัสเซีย
วอลเลซแถลงว่า “กระทรวงกลาโหมอังกฤษได้แจ้งข้อมูลให้ชาติพันธมิตรของอังกฤษ และหลังการหารือผมได้ให้เริ่มต้นการลาดตระเวนตามตารางอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นการปฏิบัติการพร้อมกับเครื่องบินรบขับไล่” น่าแปลกว่าเครื่องบินรบไม่ติดอาวุธเป็นไปได้หรือ ยิ่งลาดตระเวนด้วยแล้วที่สำคัญทำไมเพิ่มมาปูตเรื่องนี้ช่วงนี้ทั้งๆที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่เดินที่แล้ว
การประกาศของเขามีขึ้นในสัปดาห์เดียวกับที่เครื่องบินขับไล่ของสหรัฐฯ ๒ ลำสกัดกั้นเครื่องบินทิ้งระเบิดรัสเซีย ๒ ลำใกล้กับรัฐอะแลสกาของสหรัฐฯ
กองบัญชาการป้องกันการบินและอวกาศแห่งอเมริกาเหนือ หรือ นอแร้ด(NORAD) ระบุว่า “เอฟ-๑๖ ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ๒ ลำสกัดกั้นเครื่องบินทิ้งระเบิดตู-๙๕(Tu-95) แบร์เอช (Bear-H) ของรัสเซียสองลำเข้าสู่เขตการป้องกันภัยทางอากาศอลาสก้าเมื่อวันที่ ๑๗ ต.ค.”
“จากการตรวจสอบแล้วปรากฎว่าได้ตรวจพบ ติดตาม ระบุในเชิงบวก และสกัดกั้นเครื่องบินทิ้งระเบิด ดังกล่าวโดยเครื่องบินฯของรัสเซียยังคงบินอยู่ในน่านฟ้าสากลและไม่ได้เข้าสู่น่านฟ้าอธิปไตยของอเมริกาหรือแคนาดาแต่อย่างใด”
นอร์แร้ด(NORAD) กล่าวว่า ไม่ได้มองว่ากิจกรรมของรัสเซียเป็นภัยคุกคามหรือเป็นการยั่วยุ โดยเสริมว่าได้ติดตามความเคลื่อนไหวของเครื่องบินต่างประเทศเป็นประจำ และหากจำเป็นก็เร่งพาพวกเขาออกจากน่านฟ้าอธิปไตยสหรัฐฯ