จากที่รายงานอิหร่านส่งโดรนให้รัสเซียในการสู้รบกับยูเครน ต่อมามีการออกมายืนยันทั้งฝ่ายรัสเซียและอิหร่านว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยหน่วยงานของสหรัฐเองเป็นผู้ออกมาปล่อยข่าวเท็จ
ล่าสุดสื่อต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 ทำเนียบขาวอ้างว่ามีบุคลากรทางทหารอิหร่านอยู่ในพื้นที่ไครเมีย กำลังช่วยรัสเซียใช้โดรนของเตหะรานเล็งเป้าถล่มเป้าหมายต่างๆ ในยูเครน และด้วยเหตุนี้ความพยายามของสหรัฐฯ ในการเจรจาเพื่อคืนสู่ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านจึงหยุดไว้ชั่วคราว
โดย จอหน เคอร์บี โฆษกด้านความมั่นคงแห่งชาติทำเนียบขาว บอกกับผู้สื่อข่าวว่า บุคลากรทางทหารของอิหร่าน ซึ่งกำลังปฏิบัติการทางไกลจากไครเมีย เป็นผู้บังคับโดรนของอิหร่านโจมตีเป้าหมายต่างๆ ในยูเครน ในนั้นรวมถึงกรุงเคียฟ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
รัสเซียยึดไครเมียไปจากยูเครนในปี 2014 “เราประเมินว่ามีบุคลากรทางทหารอิหร่านอยู่ในภาคสนามในไครเมียและช่วยเหลือรัสเซียในปฏิบัติการต่างๆ เหล่านี้” เคอร์บีกล่าว พร้อมระบุดูเหมือนว่าจะมีชาวอิหร่านจำนวนค่อนข้างเล็กน้อยเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการดังกล่าว
ที่ผ่านมา ทางเตหะรานยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นตอบโต้ข้อกล่าวหาของสหรัฐฯ เช่นเดียวกับกระทรวงกลาโหมและกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ที่ยังไม่ตอบคำถามที่ทางผู้สื่อข่าวสอบถามความคิดเห็นเช่นกัน ซึ่งการออกมาแฉครั้งนี้ของทำเนียบขาว กลายเป็นประเด็นตึงเครียดรอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่าน
ด้านเคียฟบ่งชี้ว่ามุมมองของสหรัฐฯ ในเวลานี้ไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องเดินหน้าเจรจากับเตหะราน ในความพยายามดึงอิหร่านกลับสู่ข้อตกลงนิวเคลียร์ที่เตหะรานทำไว้กับ 6 ชาติมหาอำนาจปี 2015 ซึ่งไบเดน ต้องการคืนสู่ข้อตกลงเพื่อเปิดทางนานาชาติเข้าสังเกตการณ์โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน แลกกับการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรที่กำหนดเล่นงานเตหะราน
นอกจากนี้ เคอร์บี ยังกล่าวอีกว่า เวลานี้สหรัฐฯ มีความกังวลว่ารัสเซียอาจหาทางซื้ออาวุธทั่วไปล้ำสมัยจากอิหร่าน อย่างเช่นขีปนาวุธยิงจากพื้นผิวสู่พื้นผิวสำหรับใช้โจมตียูเครน เขาบอกด้วยว่าสหรัฐฯ กำลังดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อเปิดโปง ป้องปรามและตอบโต้อิหร่าน ที่จัดหากระสุนให้แก่รัสเซีย ในนั้นรวมถึงกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติม
“อิหร่านและรัสเซีย พวกเขาสามารถพูดจาโกหกคนทั้งโลก แต่แน่นอนว่าพวกเขาไม่สามารถปิดซ่อนข้อเท็จจริง และข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ก็คือ เวลานี้เตหะรานมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในภาคสนาม”
แม้ในสมรภูมิรบ ทหารยูเครนยังคงพยายามเดินหน้ารุกเข้าหาเมืองเคอร์ซอน ทางภาคใต้ ซึ่งเป็นเมืองเอกแห่งเดียวในภูมิภาคที่อยู่ภายใต้การยึดครองของกองกำลังรัสเซีย ซึ่งฝ่ายบริหารที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัสเซียในวันพุธ (19 ต.ค.) แจ้งให้พลเรือนอพยพออกจากเมืองแห่งนี้
ซึ่งเป็นเมืองยุทธศาสตร์สำคัญ ซึ่งมอบเส้นทางทางภาคพื้นแก่รัสเซีย ในการมุ่งหน้าสู่แหลมไครเมีย ที่พวกเขาผนวกเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนในปี 2014 และเป็นที่ตั้งของปากแม่น้ำดนิโปร
