เดือนหน้าพฤศจิกายน ทั่วโลกตั้งตารอดูการประชุมจี๒๐ ที่อินโดนิเซียอย่างใจระทึก เพราะ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ประกาศให้คำมั่นร่วมมือทางทหารภายใต้ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกซึ่งปักหมุดต้านจีน และเริ่มการกดดันเกาหลีเหนืออย่างเป็นระบบ ที่สำคัญกองทัพญี่ปุ่นมีกำหนดจะจัดซ้อมรบร่วมครั้งสำคัญกับกองทัพสหรัฐฯและพันธมิตร ระหว่าง ๑๐-๑๙ พ.ย.65ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญที่โลกฝั่งตะวันตกและตะวันออกจะไปพบกันภายใต้สถานการณ์คุกรุ่นของการเมืองโลก
ดูเหมือนจะไม่ใช่การซ้อมรบตามปกติ จัดกำลังซ้อมรบถึง ๓๖,๐๐๐ นายแบบนี้เหมือนข่มขูกันใช่หรือไม่ การประชุมจี-๒๐ ก่อนหน้านี้ฝั่งสหรัฐฯและพวกก็ป่วนด้วยการวอร์กเอ้าท์ครั้งนี้ขย่มทางการเมืองยังท้าทายทางการทหารด้วย
การประชุมสุดยอดจี-๒๐ ปี ๒๐๒๒ เป็นการประชุมครั้งที่ ๑๗ กำหนดจะจัดขึ้นที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ ๑๕ พ.ย. – ๑๖ พ.ย.๒๕๖๕ ผู้นำทั้งฝั่งมหาอำนาจเก่า จะได้พบกับผู้นำฝ่ายกลุ่มพหุอำนาจใหม่เผชิญหน้ากันอย่างคับคั่งเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี การรักษาความปลอดภัยของผู้นำโลกทั้งหลายคงไม่ใช่เรื่องที่จะประมาทได้ จากประชุมจี-๒๐ ยาวมาถึงประชุมเอเปคในไทยด้วย

วันที่ ๒๒ ต.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวโกลบัลไทมส์และเกียวโดนิวส์ รายงานว่ากองทัพญี่ปุ่นประกาศแผนซ้อมรบครั้งสำคัญกับกองทัพสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตร ระหว่าง ๑๐-๑๙ พ.ย.๒๕๖๕ ภายใต้รหัส “ดับเบ็ด คีนซอร์ด (Dubbed Keen Sword)” ซึ่งจัดขึ้นทุก ๒ ปี ในการซ้อมรบครั้งนี้มีทหารจากกองทัพญี่ปุ่นและสหรัฐฯ เข้าร่วมประมาณ ๓๖,๐๐๐ นาย เรือรบ ๓๐ ลำ และเครื่องบินรบ ๓๗๐ ลำ แคนาดาจะส่งเรือรบจำนวน ๒ ลำเข้าร่วม ออสเตรเลียและสหราชอาณาจักรจะส่งเรือรบเข้าร่วมประเทศละ ๑ ลำ
การซ้อมรบมีเป้าหมายเพื่อป้องกันภัยคุกคามต่อญี่ปุ่น รวมทั้งรักษาความมั่นคงและสันติภาพของภูมิภาค โดยสถานที่ซ้อมรบรวมถึงพื้นที่ด้านตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น อาทิ เกาะโตคุโนชิมา (Tokunoshima) ซึ่งอยู่ใกล้กับเกาะไต้หวันมากกว่ากรุงโตเกียว
นายทหารระดับสูงของญี่ปุ่น สหรัฐฯ และเกาหลีใต้แถลงตกลงที่จะรักษา “ความร่วมมือและการประสานงานด้านความมั่นคงระดับทวิภาคีและพหุภาคีที่มีประสิทธิภาพ” อ้างเหตุผลเพื่อจัดการกับภัยคุกคามด้านขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ แต่ซ่อนนัยต่อต้านจีนอย่างปิดไม่มิด
พล.อ.มาร์ค มิลลีย์ ประธานเสนาธิการร่วมสหรัฐฯ ยืนยัน “ความมุ่งมั่นอย่างแข็งขัน” ของสหรัฐฯ ที่จะปกป้องพันธมิตรเอเชียตะวันออกทั้งสอง ในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดีที่กรุงวอชิงตัน กับ พล.อ.โคจิ ยามาซากิ เสนาธิการร่วมของกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น (JSDF) และ พล.อ.คิม ซอง กัม รองผู้บัญชาการ กองบัญชาการกองกำลังผสมเกาหลีใต้
การเจรจามีขึ้นหลังจากเกาหลีเหนือได้ทดสอบขีปนาวุธนำวิถีอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยมีความเป็นไปได้มากขึ้นว่าประเทศเกาหลีเหนือยังจะทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งที่ ๗ ได้ในไม่ช้านี้ หลังการทดสอบครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกันยายน๒๐๑๗ แต่ไม่บอกว่าสหรัฐและบริวารเปิดเกมกดดันด้วยยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ออกสมุดปกขาวระบุเกาหลีเหนือเป็นศัตรู ซ้อมรบกันแบบรัวๆยิงขีปนาวุธได้ และในที่สุดก็คว่ำบาตรเพิ่มเติมฝ่ายเดียวต่อเปียงยางถึงขั้นที่ โตเกียวยืดทรัพย์องค์กรและธุรกิจเกาหลีเหนือในญี่ปุ่น ทำนองว่าไม่เผาฝี แบบนี้คิม จองอึนจะนิ่งเฉยโดนกระทำฝ่ายเดียวได้อย่างไร สหรัฐและพวกทดสอบขีปนาวุธซ้อมรบในน่านน้ำทะเลจีนใต้ และเอเชีย-แปซิฟิกไม่ผิด แต่ประเทศอื่นทำผิดหมดบอกคุกคาม
นับเป็นการร่วมประชุมครั้งแรกโดยนายพลผู้นำสูงสุดของเหล่าทัพจาก ๓ ประเทศ ที่วอชิงตันนับตั้งแต่การพบกันที่ฮาวาย เดือนมีนาคมปีนี้ สรุปคือ สามชาติเห็นพ้องกันว่า การเป็นพันธมิตรไตรภาคีมีความสำคัญต่อการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค และเพื่อให้มั่นใจว่าอินโดแปซิฟิก “เสรีและเปิดกว้าง” ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ที่ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ส่งเสริมเพื่อตอบโต้อิทธิพลทางทหารของจีนในภูมิภาคนี้
ด้านจีนซึ่งวันนี้ยืนยันบทบาทการเป็นผู้นำของปธน.สี จิ้นผิงต่อเนื่อง ท่ามกลางกระแสระอุในความสัมพันธ์กับสหรัฐ จากการบรรยายสรุปพิเศษเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและกระทรวงการต่างประเทศประเมินว่าการทูตของจีนประสบความสำเร็จอย่าง “ไม่เคยมีมาก่อนและเป็นประวัติศาสตร์” ในระหว่างที่ปธน.สี จิ้นผิงดำรงตำแหน่ง
หม่า จ้าวซู สมาชิกคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนของกระทรวงการต่างประเทศและรัฐมนตรีช่วยว่าการ (Ma Zhaoxu Vice Chinese foreign minister)กล่าวถึงการประชุมสุดยอด จี-๒๐ ในเดือนหน้าที่บาหลี เขากล่าวว่า “เราให้การสนับสนุนอย่างแข็งขันต่อการเป็นประธานประชุมสุดยอดจี-๒๐ ของปธน.แห่งอินโดนีเซีย และสนับสนุนธีมของการประชุมที่ว่า ‘ฟื้นตัวแข็งแกร่ง ฟื้นตัวไปด้วยกัน’”
“จีนหวังว่าการประชุมสุดยอดจะมีบทบาทที่สร้างสรรค์ในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อต่อต้าน การระบาดโควิด-๑๙ ส่งเสริมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และปกป้องความมั่นคงด้านพลังงานอาหารทั่วโลก” เขากล่าวว่า “สำหรับการมีส่วนร่วมของผู้นำจีนในการประชุมสุดยอด เราจะเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องในเวลาที่เหมาะสม” นอกจากนี้เขายังกล่าวถึงการต่อต้านอย่างแข็งกร้าวของจีนในการเพิ่มการสนับสนุนของสหรัฐฯ ต่อไต้หวัน และจะตอบสนองต่อการยั่วยุคุกคามด้วยคำถามไต้หวันอย่างถึงที่สุด
จีนและรัสเซียให้ความสำคัญกับการประชุมสุดยอดจี-๒๐ ทั้งปธน.สี จิ้นผิงและปธน.วลาดิเมียร์ ปูตินต่างรับปากมาร่วมประชุม ปธน.โจ ไบเดนก็ยืนยันจะมาแต่กลับสร้างฉากหลังของการพบหน้าของผู้นำโลกด้วยการข่มขู่ซ้อมรบ จัดเต็มเสียขนาดนี้เท่ากับเปลือยธาตุแท้ของตัวเองต่อโลกโดยแท้??