สงครามเทคฯมาคุ!? จีน-รัสเซีย จ่อจับมือพัฒนาอุตฯชิป ปักกิ่งมีเทคฯ มอสโกว์มีวัตถุดิบ สุดท้ายเมกาเจ๊งเอง

0

สหรัฐฯ ได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์ที่เข้มงวดที่สุดเท่าที่เคยมีมากับจีน ทำเนียบขาวได้สั่งห้ามอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของจีนใช้อุปกรณ์การผลิตชิปที่นำโดยสหรัฐฯ โดยใช้ “กฎผลิตภัณฑ์โดยตรงจากต่างประเทศ” ซึ่งห้ามไม่ให้ใช้เทคโนโลยีต้นกำเนิดของอเมริกากับฝ่ายที่ถูกคว่ำบาตร แม้แต่ในประเทศบุคคลที่สามจากการเพิ่มขึ้นของเทคโนโลยีชิป เป็นการเคลื่อนไหวแบบเดียวกับที่สหรัฐฯ ใช้กับ Huawei เมื่อสองปีที่แล้ว แต่ในระดับที่ใหญ่ขึ้น และแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของประธานาธิบดี Joe Biden ที่จะเผชิญหน้ากับปักกิ่งเป็นสองเท่า แต่กลายเป็นบังคับให้จีนต้อพึ่งพาตนเองในเซมิคอนดักเตอร์มากขึ้น

รัสเซียและจีนต่างมีความยินดีอย่างยิ่งในความพยายามกีดกันของสหรัฐฯครั้งนี้ ประการแรก จีนครอบครองเงินทุนส่วนเกิน ความเชี่ยวชาญ และทรัพยากรอื่นๆ ด้วยจำนวนพนักงานที่มีการศึกษาเพิ่มมากขึ้น มีความเป็นเลิศในด้านวิทยาศาสตร์ อีกด้านหนึ่ง  รัสเซียครอบครองวัสดุธรรมชาติที่สำคัญซึ่งจำเป็นสำหรับการผลิตเซมิคอนดักเตอร ในระดับประเทศ  รัสเซียพยายามอย่างหนักที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมชิปและมีความก้าวหน้าอย่างจำกัดเพราะถูกกีดกันจากสหรัฐตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น 

เมื่อเผชิญกับการคว่ำบาตรจากตะวันตกและการคว่ำบาตรด้านเทคโนโลยี ยุทธศาสตร์ของรัสเซียได้แสวงหาการลงทุนจากจีนในภาคส่วนชิปของตน เพิ่มจำนวนการแลกเปลี่ยนทางการศึกษาและวิทยาศาสตร์กับปักกิ่งในเรื่องนี้ และจัดลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของวัสดุที่จำเป็นสำหรับการผลิตชิปทั้งในประเทศและเพื่อการค้ากับประเทศอื่น ๆ เมื่อสหรัฐคิ๊กออฟสงครามเทคโนโลยีกับจีน ทำให้จีนและรัสเซียตกอยู่ในสถานะเดียวกัน จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมในการร่วมมือกัน แม้งานนี้จะท้าทายใช้เวลาและยากลำบาก แต่ก็ใช่จะทำไม่ได้ รอดูเซอร์ไพรซ์ข่าวการร่วมทุนของจีนและรัสเซียในอุตฯเซมิคอนดักเตอร์ที่จะทำให้สหรัฐเหวอหนักกว่าเดิม เมื่อจีนฟันธงว่าฝันร้ายกำลังมาเยือนอุตสาหกรรมชิปของสหรัฐเสียเอง

วันที่ ๒๑ ต.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวโกลบัลไทมส์และรัสเซียทูเดย์ รายงานว่า บริษัทแลมรีเสิร์ช(Lam Research) ซัพพลายเออร์อุปกรณ์ทำชิปของสหรัฐ เปิดเผยว่าบริษัทคาดการณ์ขาดทุนสูงถึง ๒  พันล้านดอลลาร์ถึง ๒๕,๐๐๐ ล้านดอลลาร์ในปี ๒๕๖๖  จากการควบคุมการส่งออกล่าสุดของวอชิงตันเกี่ยวกับเซมิคอนดักเตอร์และอุปกรณ์ขั้นสูงไปยังจีน ซึ่งครอบคลุมประมาณ๓๐% ของยอดขายของบริษัทสหรัฐ 

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วบริษัทแอพพลาย แมททีเรียลส์( Applied Materials) ประเมินว่า ยอดขายสุทธิจะลดลง๒๕๐  ล้านถึง ๕๕๐ ล้านดอลลาร์ในไตรมาสสิ้นสุดวันที่ ๓๐ ตุลาคมนี้  และจะมีผลกระทบเพิ่มเติมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

แม้ว่าความคิดเห็นจากชุมชนธุรกิจในสหรัฐฯ เกี่ยวกับการปราบปรามเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ต่อจีนรอบล่าสุดดูเหมือนจะเงียบลง แต่แนวโน้มการขายที่น่ากังวลของพวกเขาเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทุกบริษัทในห่วงโซ่อุปทานชิปทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐฯ อันที่จริง ฝันร้ายที่เกิดจากการแบนชิปของสหรัฐฯ สำหรับบริษัทของตนเองอาจเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น สถานการณ์อาจซ้ำรอยสหรัฐและตะวันตกแบนรัสเซียแต่เจอบูมเมอแรงวกกลับทำร้ายตัวเองสาหัส

สหรัฐฯ ควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงไปยังจีนอย่างเข้มงวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเซมิคอนดักเตอร์ ในความพยายามที่จะจำกัดการพัฒนาที่เป็นอิสระและความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีน แนวโน้มตลาดสำหรับบริษัทชิปของสหรัฐฯ  กลับมืดลงอย่างมีนัยสำคัญ

แม้กระทั่งก่อนการปราบปรามครั้งล่าสุดของสหรัฐฯ บริษัทชิปต่างๆ ก็ประสบกับความทุกข์ทรมานอยู่แล้ว จากบริษัทชิปรายใหญ่ที่สุด ๑๕  แห่งที่รายงานผลประกอบการไตรมาส ๓ เดือนกันยายน มี ๑๐  แห่งที่คาดว่าจะรายงานการเติบโตของรายได้ที่ชะลอตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสในเดือนมิถุนายน 

ประเทศจีนเป็นตลาดชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก นำเข้าเซมิคอนดักเตอร์มูลค่า ๔ แสนล้านดอลลาร์ในปี๒๕๖๔  คิดเป็นสัดส่วนเกือบ ๖๐% ของตลาดชิปทั่วโลก บริษัทไฮเทคของสหรัฐเป็นผู้รับผลประโยชน์รายใหญ่ที่สุดจากอุปสงค์ของจีนจำนวนมหาศาล ซึ่งเป็นแหล่งผลกำไรที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขา มันจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อแผนการใช้จ่ายของพวกเขาและทำให้ยอดขายทางอ้อมสำหรับซัพพลายเออร์อย่าง Lam Research และ Applied Materials อาจล่มจมในที่สุด

จากมุมมองของจีน จีนมีตลาดขนาดใหญ่ และเป็นที่น่าสงสัยว่าสหรัฐฯ สามารถใช้คำสั่งผู้บริหารฝ่ายเดียวเพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทชิปที่ไม่ใช่ของสหรัฐฯ เลิกให้ความร่วมมือตามปกติและค้าขายกับจีนได้หรือไม่ หากบริษัทที่ไม่ใช่ของสหรัฐฯ ไม่เข้าร่วม การแบนของสหรัฐฯ ฝ่ายเดียวจะบั่นทอนความสามารถในการแข่งขันของบริษัทสหรัฐฯซะเอง  เพราะการกีดกันพวกเขาออกจากตลาดจีน ทำแบบนี้เท่ากับทุ่มหินใส่เท้าตัวเองอีกแล้ว??