ท่ามกลางการสู้รบที่ดุเดือดในเคอร์ซอน มีรายงานพลเรือนเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัส จากการที่กองกำลังยูเครนยิงจรวด HIMARS จำนวน ๑๒ ลำ โจมตีบนทางข้ามของพลเรือนขณะที่พลเมืองกำลังอพยพย้ายฝั่งซ้ายตามประกาศของทางการเคอร์ซอน แม้ว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียได้ยิงจรวด HIMARS ของยูเครน ไปถึง ๑๑ ลูก ตอนนี้กองทัพรัสเซียยังทำอะไรไม่ได้มากนอกจากยันไว้เพราะอยู่ในระหว่างอพยพพลเมืองกว่า ๖ หมื่นคน
ขณะที่ปูตินและรมว.กลาโหมเซอร์เก ชอยกูเยี่ยมนักรบสนามฝึก ส่วนด้านของยูเครน เซเลนสกี้ยังคงสั่งงานผ่านห้องอัด คิดดูว่าขวัญและกำลังของกองทัพทั้งสองจะแตกต่างกันเพียงใด เรียกว่าตรวจเยี่ยมดูกระทั่งรองเท้าบู๊ตซึ่งรวมถึงเครื่องแบบ หมวกและชุดเกราะ สำหรับฤดูหนาวงานนี้มีการยิงปืนไรเฟิลซุ่มยิง ดรากุนอฟ(Dragunov :SVD) โชว์เหล่าทหารด้วย
วันที่ ๒๑ ต.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวทาซซ์และสปุ๊ตนิกรายงานว่าดมิทรี โปลยันสกี้(Dmitry Polyansky)รองผู้แทนถาวรคนแรกของรัสเซียประจำสหประชาชาติ ชี้แจงในที่ประชุมสหประชาชาติฯ ถึงการกล่าวหาของสหรัฐและอียูเกี่ยวกับการส่งออกโดรนของอิหร่านไปยังรัสเซียนั้นเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของข้อมูลที่บิดเบือน
นักการทูตกล่าวว่า“UAV ที่กองทัพรัสเซียใช้ในยูเครนผลิตขึ้นในรัสเซียและตั้งชื่อโดยรัสเซีย” “เราได้สังเกตการรณรงค์บิดเบือนข้อมูลโดยคณะผู้แทนจากตะวันตก เมื่อพวกเขายกประเด็น UAV และกล่าวหาว่ารัสเซียนำอาวุธของอิหร่านไปใช้ในยูเครน”
เจ้าหน้าที่กล่าวเพิ่มเติมว่าสำนักเลขาธิการสหประชาชาติไม่มีอำนาจทางกฎหมายให้ดำเนินการสอบสวนเรื่องการใช้โดรนที่ผลิตในอิหร่านแต่อย่างใดแต่เป็นการทำสงครามข่าวสารเพื่อสนับสนุนเป้าหมายซ่อนเร้น
เขากล่าวสรุปว่า “จุดมุ่งหมายของตะวันตกนั้นชัดเจน พวกเขาพยายามโจมตีสองเป้าหมายพร้อมกัน โดยประดิษฐ์ข้ออ้างขึ้นเพื่อสร้างแรงกดดันต่อรัสเซียและอิหร่าน”
อิหร่านปฏิเสธข้อกล่าวหาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนหน้านี้ ซาอีด อิราวานี ทูตของยูเอ็นแห่งอิหร่าน (Iranian UN envoy Saeed Iravani)ประณามคำกล่าวอ้างที่ “น่าผิดหวัง” เนื่องจากข้อมูลเท็จถูกผลักดันโดยเป็นส่วนหนึ่งของวาระทางการเมือง เขากล่าวย้ำว่า“เราปฏิเสธคำกล่าวอ้างที่ไม่มีมูลว่าอิหร่านได้โอน UAV เพื่อใช้ในความขัดแย้งในยูเครนอย่างเด็ดขาด”
ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับโดรนปรากฏขึ้นครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม เมื่อปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ เจค ซัลลิแวน และ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ระบุตั้งแต่นั้นมาว่าตั้งใจที่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านเพื่อป้องกันการถ่ายโอน “อาวุธอันตราย”
เป็นตรรกะที่บิดเบี้ยว ประมาณว่าคนอื่นสนับสนุนหรือขายอาวุธให้รัสเซียผิด แต่สหรัฐและนาโต้หนุนทั้งเงินและอาวุธยุทโธปกรณ์จนเกลี้ยงคลังให้ยูเครนไม่ผิด
สถานการณ์ล่าสุดของความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและสหรัฐตกต่ำอย่างถึงที่สุดเพราะวอชิงตันได้ข้ามเส้นแดงทั้งหมดของมอสโกว์แล้วทั้งเศรษฐกิจ การทูตและการทหาร
อนาโตลี อันโตนอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำวอชิงตันกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ รอสซิยา-๒๔ (Rossiya-24) ว่า วอชิงตันได้ข้ามเส้นสีแดงทั้งหมดที่มอสโกว์กำหนดไว้นานแล้ว
โตนอฟกล่าวย้ำว่า “กรณีนอร์ดสตรีม ฉันเชื่ออย่างยิ่งว่าไม่ใช่แค่บุคคลหรือกลุ่มที่อยู่เบื้องหลังการก่อวินาศกรรมนี้ แต่เป็นรัฐบาลที่มีความสามารถทางเทคโนโลยีและผู้คนที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นพิเศษ”
“ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับอเมริกากำลังตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่อย่างยิ่ง ฉันเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่ารัสเซียและสหรัฐฯ จะต้องถึงวาระที่จะพูดถึงปัญหาเสถียรภาพทางยุทธศาสตร์เป็นอย่างน้อย แต่คงเป็นไปได้ยาก”
นักการทูตกล่าวว่า “ฉันต้องยอมรับว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้นในวาทศิลป์ของทำเนียบขาว กระทรวงการต่างประเทศ และที่สำคัญที่สุดคือเพนตากอน ยังคงมีเป้าหมายเดียวเท่านั้นคือกดดันรัสเซีย กำหนดมาตรการคว่ำบาตรใหม่ ทำลายรัสเซีย”
เขากล่าวว่า”รัสเซียจะพยายามสร้างความสัมพันธ์เชิงปฏิบัติและยุติธรรมกับทุกคนในรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ว่าพรรคใดจะได้รับการเลือกตั้งกระทรวงการต่างประเทศ”
ในเดือนพฤศจิกายนสหรัฐฯจะวุ่นอยู่กับการเลือกตั้งกลางเทอมที่เสียงสนับสนุนของไบเดนและพรรคเดโมแครตดูจะหลุดลุ่ยลงไปทุกวัน ทำให้เกิดอาการคล้ายจะเทยูเครนให้เห็นบ่อยครั้ง นักวิเคราะห์ฝ่ายริพับลิกันรีบฟันธงเลยว่า ถ้าสภาล่างของสหรัฐได้รีพับลิกันครองเสียงข้างมาก จะไม่ส่งเงินและอาวุธให้ยูเครนอีกแน่ ทำเอาเซเลนสกี้และทีมโวยวายใหญ่ แต่อียูและนาโต้ยังไม่ทิ้งรับไม้ต่อ ทั้งๆที่เริ่มแบะท่าหันหน้าไปพาลกับจีนอย่างผิดสังเกตุ คงต้องติดตามกันต่อไปว่าเมกา-นาโต้เปิดศึกหลายด้านเพื่ออะไร แต่ที่แน่ๆทั้งเมกา-ยุโรปกำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจอย่างหนักและยังไม่มีที่ท่าว่าจะฟื้นตัวได้ง่ายๆ!?