หลังจากที่ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ ได้วิเคราะห์มองถึงเบื้องหลังการเคลื่อนไหวในยุโรป ที่กำลังจะตีตัวออกห่างจากสหรัฐฯในเร็ว ๆ นี้ โดยระบุว่า อเมริกาวางหมากฮอสหลายชั้นมาก แรกเริ่มเดิมที อเมริกาเห็นว่าอียูพัฒนาอุตสาหกรรม แต่ต้องซื้อน้ำมันและก๊าซรัสเซียตลอดเวลา
อเมริกาต้องการให้อียูเป็นลูกค้าตนแทนที่จะต้องซื้อจากรัสเซีย จึงหาเรื่องทำให้รัสเซียกับอียูทะเลาะกันขึ้นมา ด้วยวิธีส่งเครือข่าย CIA ไปไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในยูเครน จากนั้นก็จัดตั้งรัฐบาลยูเครนโดยใช้หุ่นเชิดตนเป็นประธานาธิบดี ใช้คนของตนฆ่าชาวรัสเซียนับหมื่นกว่าคนในเขตดอนบัสของยูเครน ก่ออาชญากรรมต่าง ๆ ในเขตดอนบัสเพื่อให้รัสเซียโกรธแล้วยกทัพเข้าไปยูเครน
ก่อนหน้านี้ไม่นาน ทางเยอรมนีได้ส่งสัญญาณว่า จะไม่ยอมให้ประเทศของตนเองเป็นเบี้ยล่างของสหรัฐฯ โดยครั้งนี้น่าจับตาว่า อดีตนายกฯเยอรมนี อย่างอังเกลา แมร์เคิล จะเข้ามามีบทบาท เพื่อต่อรองกับสหรัฐฯ
ล่าสุดมีรายงานว่า กลุ่ม BRICS เนื้อหอม เพราะซาอุดิอาระเบียชาติล่าสุดสนใจเข้าร่วม โดยประธานาธิบดีแอฟริกาใต้คอนเฟิร์ม ซาอุดิอาระเบียสนใจเข้าร่วม BRICS (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน แอฟริกาใต้) หลังจากเขากลับจากการเยือนซาอุดิอาระเบีย
“มกุฎราชกุมาร Mohammed bin Salman Al Saud นายกรัฐมนตรีซาอุดิอาระเบีย ได้แสดงความปรารถนาที่จะเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม BRICS”
แอฟริกาใต้จะดำรงตำแหน่งเป็นประธานของ BRICS ในปี 2023 “เราได้กล่าวว่า BRICS กำลังจะมีการประชุมสุดยอดในปีหน้าภายใต้การนำของแอฟริกาใต้และเรื่องการขยายกลุ่ม BRICS กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา หลายประเทศกำลังมีการเข้าหาสมาชิก BRICS และเราได้ให้คำตอบเดียวกันกับพวกเขาว่าจะมีการหารือโดยพันธมิตร BRICS ก่อนและจะมีการตัดสินใจกันภายหลัง”
การเยือนซาอุดิอาระเบียของประธานาธิบดีแอฟริกาสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ที่ผ่านมา ส่งผลให้รัฐบาลทั้งสองประเทศได้ลงนามในข้อตกลงและบันทึกข้อตกลงเกี่ยวกับโครงการร่วมกัน มูลค่ารวมกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 5 แสนล้านบาทด้วย
งานนี้น่าสนใจว่า การที่ซาอุฯเข้าร่วมกลุ่ม BRICS นั้น จะทำให้สหรัฐฯยิ่งชอกช้ำ เพราะที่ผ่านมาหวังจะสานสัมพันธ์อันดีกับซาอุฯมาโดยตลอด แต่ดันมีเรื่องผิดใจบานปลาย ทำให้ความสัมพันธ์สะบั้นลง และยังเจอซาอุฯหันหลังให้แบบจริงจัง ไปเข้าร่วมกลุ่ม BRICS อีกด้วย อีกทั้งกลุ่มนี้ยังมีกระแสมาแรง ที่ทำให้ชาติอื่น ๆ พร้อมตบเท้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งเพื่อคานอำนาจของสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า บางประเทศก็เทสหรัฐฯแบบหน้าตาเฉย ทำให้ไบเดนเริ่มหวั่นแล้วว่า จะยังมีพันธมิตรแท้กี่ชาติที่ยืนอยู่ข้างตนเอง และน่าตั้งคำถามว่า หรือโลกกำลังเดินทางมาถึงจุดที่ต้องเปลี่ยนขั้วอำนาจจริง ๆ เสียแล้ว