คาบสมุทรเกาหลีเดือดระอุไม่พัก?? ล่าสุดเกาหลีเหนือยิงปืนใหญ่นับพันนัด เตือนเกาหลีใต้ซ้อมรบกับสหรัฐไม่เลิก ทางเปียงยางก็จะไม่หยุดทดสอบขีปนาวุธด้วย เรียกร้องให้สหรัฐ-โซลและญี่ปุ่น “ยุติการเคลื่อนไหวเชิงคุกคาม” ขณะที่โตเกียวกร้าวอายัดทรัพย์ ระงับธุรกรรม ๕ องค์กรเกาหลีเหนือ ให้เหตุผลเพราะยิงขีปนาวุธข้ามหัวบ่อยรับไม่ไหว
วันที่ ๑๙ ต.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวยอนฮับ และอาริรังนิวส์รายงานว่า สำนักงานคณะเสนาธิการทหาร กองทัพประชาชนเกาหลี ( เคพีเอ ) ออกแถลงการณ์ว่า ทหารเกาหลีเหนือ “ยิงกระสุนเตือน” เพื่อเป็น “สัญญาณของการตอบโต้ทางทหาร” ต่อการซ้อมรบของเกาหลีใต้ พร้อมทั้งเรียกร้องให้อีกฝ่าย “ยุติพฤติกรรมที่บ้าบิ่นและคุกคาม” ซึ่งเพิ่มบรรยากาศตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของเกาหลีเหนือเกิดขึ้นภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังมีการยิงปืนใหญ่ลงทะเลอีกประมาณ ๒๕๐ นัด ขณะที่เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว เกาหลีเหนือยิงปืนใหญ่รวมประมาณ ๒๕๐ นัด ลงในทะเลเหลืองและทะเลตะวันออก นอกจากนั้น เครื่องบินรบประมาณ ๑๐ ลำ ของกองทัพเกาหลีเหนือ บินเฉียดเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างสองประเทศ ส่งผลให้เกาหลีใต้ส่งเครื่องบินขับไล่เอฟ-๓๕ ขึ้นสกัด
เสนาธิการร่วมของโซล (JCS) กล่าวว่าเกาหลีเหนือยิงปืนใหญ่เข้าไปในเขตกันชนระหว่างเกาหลีเป็น”การละเมิดที่ชัดเจน” ของข้อตกลงทางทหารที่ครอบคลุมของทั้งสองฝ่าย (CMA) ซึ่งพวกเขาตกลงที่จะไม่ดำเนินการฝึกทหารใกล้ชายแดน แต่การซ้อมรบของเกาหลีใต้ได้กำหนดจะซ้อมชายแดนก่อนพอคิมยิงปืนใหญ่เตือนจึงยกเลิก
การซ้อมรบปืนใหญ่ของเกาหลีเหนือ (DPRK) ในคืนวันอังคารเกิดขึ้นหลังจากยิง ปืนใหญ่ ประมาณ ๕๖๐ นัดเข้าไปในเขตกันชนทางเหนือของ Northern Limit Line (NLL) เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๔ ต.ค. ซึ่งโซลเรียกว่าการละเมิดข้อตกลงระหว่างเกาหลีปี ๒๐๑๘
กองทัพเกาหลีใต้และสหรัฐซ้อมรบภายใต้รหัสปฏิบัติการ “โฮกุ๊ก” เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยภารกิจครั้งนี้จะดำเนินเรื่อยไปจนถึงวันเสาร์ที่ ๒๒ ต.ค. นี้ เพื่อส่งเสริมความพร้อมและยกระดับขีดความสามารถทางทหารของทั้งสองประเทศ ในการรับมือและตอบสนองต่อการทดสอบขีปนาวุธและระเบิดนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
ด้านรัฐบาลเกาหลีใต้ประณามเกาหลีเหนือ ละเมิดข้อตกลงด้านความมั่นคงระดับทวิภาคี นอกจากนั้น มีการวิเคราะห์ด้วยว่า การที่เกาหลีเหนือเพิ่มความถี่ของการยิงขีปนาวุธในระยะนี้ “อาจเป็นสัญญาณ” ว่าการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ครั้งต่อไป “กำลังจะเกิดขึ้น” ซึ่งจะเป็นครั้งที่ ๗ และเป็นครั้งแรกในรอบ ๕ ปี โดยสำนักข่าวกรองแห่งชาติของเกาหลีใต้ คาดการณ์กรอบระยะเวลาไว้ระหว่างวันที่ ๑๖ต.ค.-๗ พ.ย. ที่จะถึง
S. Korea begins annual Hoguk defense drills to counter N. Korea's evolving nuclear, missile threats#Hogukdefense #military #ARIRANG_NEWS pic.twitter.com/KNfiYoWwxO
— Arirang News (@arirangtvnews) October 17, 2022
ก่อนหน้านี้เกาหลีเหนือได้ทดลองปล่อยขีปนาวุธไปแล้ว ๒๓ ลูก ครั้งล่าสุดในวันที่ ๒๕ ก.ย.ที่ผ่านมา หนึ่งในนั้นคือขีปนาวุธพิสัยกลางที่บินผ่านญี่ปุ่นและแสดงให้เห็นพิสัยที่สามารถเดินทางไกลไปถึงดินแดนฐานทัพของสหรัฐฯ ในเกาะกวม และอื่นๆได้
ด้านญี่ปุ่นซึ่งมีบทบาทเป็นตัวแทนสหรัฐในฐานะ พันธมิตรQUAD ได้สั่งคว่ำบาตรยึดทรัพย์สินเกาหลีเหนือในญี่ปุ่น เมื่อวันอังคาร โดยตั้งเป้า ๕ องค์กร ได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรมจรวดของเปียงยาง และบริษัทการค้า ๔ แห่ง
ฮิโรคาซุ มัตสึโนะ โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่น ได้ตัดสินใจอายัดทรัพย์สินขององค์กร ๕ องค์กร จากการมีส่วนร่วมในโครงการพัฒนานิวเคลียร์และขีปนาวุธของเปียงยาง
โยชิมาสะ ฮายาชิ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นกล่าวขณะประกาศมาตรการใหม่ว่า “เกาหลีเหนือกำลังดำเนินการยั่วยุอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง เช่น การยิงขีปนาวุธนำวิถีรวม ๒๓ ครั้งในปีนี้”
เกาหลีใต้ยังได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวต่อเกาหลีเหนือในรอบเกือบ ๕ ปี โดยขึ้นบัญชีดำบุคคลชาวเกาหลีเหนือ ๑๕ คนและสถาบัน ๑๖ แห่งที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาขีปนาวุธในวันศุกร์ที่ผ่านมา
สถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีโดยสหรัฐเป็นผู้จุดพลุความขัดแย้ง ทำลายแผนการรวมชาติของเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ที่รัฐบาลชุดอดีตปธน.ทรัมป์ให้การสนับสนุน เมื่อความร้าวฉานหนักขึ้นผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จอง อึน จึงผลักดัน ให้เกาหลีเหนือเป็นประเทศนิวเคลียร์อย่างเป็นทางการ
รัฐสภาเกาหลีเหนือ ได้ผ่านกฎหมายว่าด้วยการใช้อาวุธนิวเคลียร์ให้อำนาจผู้นำเต็มที่ คิมอธิบายว่าเป็นขั้นตอนในการประกาศสถานะทางนิวเคลียร์ของประเทศ และสร้างความชัดเจนว่าจะไม่มีการเจรจาต่อรองเรื่องอาวุธดังกล่าวกับประเทศใด
กฎหมายฉบับใหม่ระบุถึงเงื่อนไขที่เกาหลีเหนือสามารถใช้อาวุธนิวเคลียร์ของตน เมื่อพิจารณาว่าผู้นำของตนกำลังเผชิญกับ “การโจมตีด้วยนิวเคลียร์หรือที่ไม่ใช่นิวเคลียร์โดยกองกำลังที่เป็นศัตรู” ที่อาจจะเกิดขึ้น กฎหมายกำหนดให้กองทัพของเกาหลีเหนือดำเนินการโจมตีด้วยนิวเคลียร์กับกองกำลังของศัตรู “โดยอัตโนมัติ” รวมถึงสามารถโจมตีเมื่อมี “จุดเริ่มต้นของการยั่วยุและการบังคับบัญชา” จากศัตรู และผู้นำของเปียงยางถูกโจมตี
กฎหมายดังกล่าวยังระบุด้วยว่า เกาหลีเหนือสามารถใช้นิวเคลียร์เพื่อป้องกัน “วิกฤตภัยพิบัติ” ที่ไม่ระบุรายละเอียดต่อรัฐบาลและประชาชนของตน ซึ่งเป็นคำจำกัดความที่กว้าง ให้อำนาจเบ็ดเสร็จแก่คิม จองอึน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญต.ต.กล่าวว่าการแสดงอำนาจด้านนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือจะทวีความรุนแรงขึ้น และจะสร้างความกังวลให้กับเพื่อนบ้านมากขึ้นด้วย!!