ปากดีจนได้เรื่อง!? สีสั่งระงับจ่ายพลังงานให้ยุโรป อ้างเอาไว้ใช้เองหน้าหนาว หลังอียูประกาศจะบี้จีนตามก้นเมกา

0

เมื่อสหภาพยุโรปส่งสัญญาณจะบีบจีนตามก้นเมกาอย่างชัดเจน โดยเลขาธิการความมั่นคงของอียู โจเซป บอร์เรลล์ (Josep Borrell) ระบุว่าจีนเป็น ‘คู่แข่งที่แข็งแกร่ง’ มากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับสหภาพยุโรป การพึ่งพาจีนเป็น ‘ช่องโหว่เชิงกลยุทธ์’ ที่อียูจะต้องปรับเปลี่ยน คำกล่าวนี้พูดหลังจากสหรัฐฯแบะท่าจะไล่บี้จีนต่อเมื่อสี จิ้นผิงได้รับการรับรองเป็นผู้นำตลอดชีพของจีน

ไม่ทันได้ขยับ ทางฝ่ายจีนก็ออกมาประกาศเลิกส่งพลังงาน หยุดขายก๊าซธรรมชาติให้ยุโรปทันที ด้วยเหตุผลกังวลภายในประเทศไม่พอใช้ในหน้าหนาว ทำให้เมกา-อียูอ้าปากค้าง เพราะเพิ่งถูกกลุ่มอ่าวอาหรับปฏิเสธไม่ทำตามแผน ไม่ช่วยเพิ่มกำลังผลิตตามที่สหรัฐฯขอมาหมาดๆ มาเจอจีนเทซ้ำจะทำอย่างไรต่อไป ติดหล่มสงครามยูเครนไม่พอยังหาเรืองจีนอีก ดูท่าแล้ววิกฤตพลังงานที่คาดว่าจะเป็นเครื่องมือกดรัสเซียให้ล่มจม กลับทำให้รัสเซียและจีนซึ่งเป็นกำลังหลักในการท้าท้ายมหาอำนาจเดี่ยวได้รวยกันไปตามๆกัน

วันที่ ๑๘ ต.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และบลูมเบิร์ก รายงานว่า ทางการจีนได้แจ้งผู้นำเข้าก๊าซที่รัฐเป็นเจ้าของ ให้หยุดการขายต่อก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ให้กับผู้ซื้อจากต่างประเทศ เนื่องจากรัฐบาลตั้งเป้าที่จะจัดหาอุปทานของประเทศสำหรับฤดูร้อนฤดูหนาว 

คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติได้ขอให้ปิโตรไชน่า (PetroChina), ซิโนเป็ค(Sinopec) และซีเอ็นโอโอซี (CNOOC) เก็บเสบียงฤดูหนาวไว้ใช้ในประเทศ แม้ว่ายอดขายจะช่วยบรรเทาผู้ซื้อในยุโรปได้บ้าง แต่การเติมสินค้าในสินค้าคงคลังอย่างรวดเร็ว และค่าขนส่งที่สูงเป็นประวัติการณ์ ได้ลดความน่าดึงดูดใจในการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงไปขายอีกด้วย 

ในช่วงก่อนหน้านี้ ความต้องการพลังงานในประเทศลดลงในประเทศจีนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ปักกิ่งขาย LNG ส่วนเกินให้ตลาดโลก ยุโรป ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้เป็นหนึ่งในผู้ซื้อหลัก

ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าหลังจากที่สหภาพยุโรปลดการซื้อก๊าซของรัสเซียลงอย่างมาก การนำเข้า LNG ของจีนไปยังกลุ่มก็เพิ่มขึ้น ๖๐% เมื่อเทียบเป็นรายปี แม้ว่าจะมีราคาแพงกว่าการส่งมอบทางท่อมากก็ตาม

อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ในปัจจุบันสำหรับการขาดดุลเล็กน้อยในการจัดหาก๊าซน่าจะกระตุ้นการเคลื่อนไหวของปักกิ่ง ซึ่งให้คำมั่นที่จะให้บ้านเรือนอบอุ่นในฤดูหนาวนี้ และเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวถึงปัญหาความมั่นคงด้านพลังงานในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์สองชั่วโมงของเขา แสดงเจตจำนงค์ชัดเจนว่า จีนจะต้องยึดถือความต้องการของผู้บริโภคภายในประเทศเป็นหลัก เหนือกว่ารายได้จากการส่งออก

การที่จีนระบุที่จะรักษาอุปทานของตนเอง ทำให้การขนส่งไปยังยุโรปน่าจะลดลงและทำให้พลังงานในภูมิภาคนี้แย่ลงไปอีกในฤดูหนาวนี้ 

สถานการณ์ก่อนหน้านี้ไม่นานเป็นตรงกันข้าม วอลสตรีทเจอร์นัลรายงานว่าจีนขายต่อก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่ซื้อมาจากสหรัฐฯ ไปยังประเทศต่างๆ ในยุโรปที่มีความตึงเครียดด้านพลังงานทำให้ได้ผลกำไรมหาศาล โดยยุโรป ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้เป็นผู้ซื้อหลัก

การใช้ประโยชน์จากการซื้อต้นทุนต่ำภายใต้สัญญาระยะยาว บริษัทพลังงานของจีนกำลังขาย LNG ของสหรัฐฯ ให้กับยุโรป โดยสามารถเก็บเกี่ยว”หลายร้อยล้านดอลลาร์ต่อสินค้าหนึ่งลำ”

แต่ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม เมื่อจำนวนเรือ LNG จากสหรัฐฯ ที่เทียบท่าในจีนตั้งแต่เดือนมกราคมถึงสิงหาคมลดลงจาก ๑๓๓ ลำที่บันทึกไว้ในช่วงหนึ่งของปีที่แล้วเหลือเพียง ๑๙ ลำในช่วงเวลาเดียวกันของปีนี้

ปักกิ่งไม่เพียงแต่ขายก๊าซของอเมริกาเท่านั้น ในปีนี้จีนยังได้นำเข้าก๊าซจากรัสเซียเพิ่มขึ้นเกือบ ๓๐% และมีการลดราคาอย่างมีนัยสำคัญ ข้อมูลการขนส่ง การนำเข้า LNG ของจีนจากรัสเซียเพิ่มขึ้นในเดือนสิงหาคมสู่ระดับสูงสุดในรอบสองปี

ในเดือนกันยายน โรงงานส่งออกก๊าซซาคาลิน-๒ แอลเอ็นจีในตะวันออกไกลของรัสเซียได้ขายการจัดส่งหลายรายการไปยังจีน เพื่อส่งมอบจนถึงเดือนธันวาคมปีนี้ในราคาเกือบครึ่งหนึ่งของราคาสปอตปัจจุบัน 

เนื่องจากปริมาณก๊าซจากรัสเซียไปยังยุโรปลดลงจาก ๔๐% เป็น ๙% การนำเข้าเชื้อเพลิงแช่เย็นพิเศษไปยังสหภาพยุโรปจากจีนจึงเพิ่มขึ้น ๖๐% เมื่อเทียบเป็นรายปี แม้ว่าจะมีราคาแพงกว่าการส่งมอบทางท่อมากก็ตาม

จีนประกาศเป็นทางการเช่นนี้ เป็นการส่งสัญญาณชัดว่าเมื่อตะวันตกแรงมา จีนพร้อมแรงกลับไม่เหลือเยื่อใย การทดสอบปิดประเทศด้วยนโยบายโควิดเป็นศูนย์พิสูจน์แล้วว่า จีนสามารถอยู่ได้ด้วยตนเอง ในขณะที่ห่วงโซ่ปลายน้ำทั้งสหรัฐและยุโรปเป็นอัมพาต เมื่อสหรัฐและอียูไม่แคร์ความสัมพันธ์กับจีน จีนก็ไม่จำเป็นต้องรักษาไมตรีต่อไป สงครามเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐ-ตะวันตกแและจีนในทุกมิติกำลังเข้มข้นดุเดือดทุกที อย่าได้กะพริบตา??