โลกยังคงระอุด้วยกลิ่นควันสงครามจากสนามรบยูเครน ขยายขอบเขตไปยังประเทศยุโรปที่เป็นพันธมิตรนาโต้อย่างชัดเจนขึ้นทุกที การซ้อมรบประหนึ่งซ้อมการเผชิญหน้ากำลังดำเนินอยู่ในสัปดาห์นี้ ทั้งนาโต้ที่เริ่มคิ๊กออฟการซ้อมรบนิวเคลียร์ ย่านเบลเยี่ยมทะเลเหนืออังกฤษ สำหรับรัสเซียนอกจากซ้อมรบนิวเคลียร์แล้ว ยังร่วมซ้อมรบที่ทาจิกีสถานกับพันธมิตรเอเชียกลาง CSTO สะท้อนความสัมพันธ์แน่นแก่นที่ฝั่งตะวันตกยังทำลายไม่ได้
สถานการณ์ในสมรภูมิรบยูเครนยังระอุเดือด หลังจากปธน.ปูตินยืนยันว่าจะไม่ทำลายล้างยูเครน แต่ปฏิบัติการตอบโต้การก่อการร้ายต่อดินแดนรัสเซียยังคงมีเป้าหมาย ๒๙ จุด และจนวันนี้ยังเคลื่อนไหวตามเป้าหมายต่อไป ล่าสุดฝั่งยูเครนมีการโจมตีเข้ามาในดินแดนของรัสเซีย จึงไม่แปลกใจเลยว่า เสียงไซเรนเตือนภัยยังคงดังก้องในเคียฟและเมืองหลักที่ตั้งทางบัญชาการทหารของนาโต้ และโครงสร้างพื้นฐาน เขี้ยวเล็บหลักในปฏิบัติการโจมตีคือ โดรนพลีชีพที่ทางเคียฟ-นาโต้ยังหาทางแก้ไขและรับมือไม่ได้
ล่าสุดลางแพ้ของเมกา-นาโต้ปรากฎให้เห็นทุกวัน แม้สื่อตะวันตกจะโหมกระพือว่ารัสเซียแพ้แล้ว กระแสต้านในประเทศไม่อยากออกรบบ้าง อาวุธหมดต้องไปขอซื้อจากพันธมิตรบ้าง แต่ความจริงมันสวนทางทั้งจากภาพและเสียงในช่องเทเลกราฟของรัสเซียและยูเครนเองอย่างปิดไม่มิด เมื่อความจริงพ่ายในสนามรบทำให้อิสราเอลที่ความจริงแล้วคือพันธมิตรสำคัญของเมกาต้องเปิดหน้าออกมาลุยด้วย โดยประกาศจะส่งความช่วยเหลือทางทหารและอาวุธให้ยูเครน รัสเซียออกมาซัดทันที เลือกข้างแบบนี้ก็แปลว่าจะตัดขาดรัสเซียใช่หรือไม่ เปิดหน้าชัดรัสเซียชอบไม่ต้องเป็นอีแอบ??
วันที่ ๑๘ ต.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวทาซซ์และรัสเซียทูเดย์รายงานว่าดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตปธน.และรองประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งรัสเซีย เตือนแรงว่าจะเป็นความผิดพลาดสำหรับอิสราเอลในการจัดหาอาวุธให้ยูเครน
เมดเวเดฟเขียนในช่องโทรเลขของเขาว่า “ดูเหมือนว่าอิสราเอลจะตัดสินใจจัดหาอาวุธให้กับระบอบการปกครองของเคียฟ นั่นเป็นการตัดสินใจที่เร่งด่วนและผิดมาก เพราะมันจะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างรัฐทั้งหมดระหว่างประเทศของเรา”
เขากล่าวว่าอิสราเอลอาจรู้จักสเตฟาน บันดารา (Stepan Bandera) และโรมัน ชูเควิช (Roman Shukhevich) แบนเดราเป็นผู้นำขององค์กรชาตินิยมยูเครน (OUN) และชูเควิชเป็นผู้นำกองทัพกบฏยูเครน (UPA) ทั้งสององค์กรผิดกฎหมายในรัสเซีย และถือเป็นกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มหนึ่ง
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีกระทรวงกิจการพลัดถิ่นของอิสราเอล แนคแมน ไช(Nachman Shai) กล่าวว่าอิสราเอลควรจะปฏิบัติตามสหรัฐฯ และพันธมิตร NATO และเริ่มให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนอย่างจริงจัง เป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจเมื่อไม่นานมานี้ นิตยสารอิสราเอลได้ขึ้นปกยกย่องเซเลนสกี้ว่าคือวีรบุรุษยิวที่น่าภาคภูมิใจ
ภาพการเปิดหน้าเข้าหนุนยูเครนซึ่งเป็นสมรภูมิตัวแทนของเมกา-นาโต้ได้เพิ่มผู้เล่นออกหน้ามาเพิ่มอย่างอิสราเอล บ่งชี้ว่า สถานการณ์การสู้รบในยูเครนฝ่ายตะวันตกส่อลางแพ้ชัดเจน ไม้เช่นนั้นจอมบงการอย่างอิสราเอลไม่ออกมาเปิดหน้าชกเต็มๆอย่างไม่น้องแอบหลังสหรัฐอีกต่อไป ทั้งๆที่จะต้องรับมือกับอิหร่าน-ซีเรียในสมรภูมิตะวันออกกลาง
การซ้อมรบครั้งใหญ่ของสองฟากฝั่ง กลุ่มมหาอำนาจเก่าในนามนาโต้ และกลุ่มมหาอำนาจหลายขั้วอย่างรัสเซีย-จีนและพันธมิตรเอเชียกลางได้เริ่มขึ้นไปพร้อมๆกับการซ้อมรบทางนิวเคลียร์ของรัสเซีย สภาพการณ์เช่นนี้ก่อความระทึกใจกับโลกไม่น้อย
การซ้อมรบทางทหารของกองกำลังตอบโต้อย่างรวดเร็วดำเนินการโดยองค์การสัญญาความมั่นคงร่วมCSTOที่นำโดยรัสเซีย เริ่มขึ้นในทาจิกิสถานเมื่อวันจันทร์ ที่ผ่านมา การฝึกซ้อมโปรแกรมรูเบช-๒๐๒๒ (Rubezh-2022) มุ่งเป้าไปที่การเสริมความพร้อมในกรณีที่กองกำลังติดอาวุธรุกรานข้ามพรมแดน
กองกำลังตอบโต้CSTO จะได้รับการฝึกอบรมการปรับใช้และปฏิบัติการอย่างรวดเร็วในพื้นที่ภูเขาของประเทศเจ้าบ้าน ผู้บัญชาการของเจ้าหน้าที่ทหารร่วมของกลุ่มกล่าวถึงภารกิจบรรยายโดย พ.อ. อนาโตลี ซิโดรอฟ ของรัสเซีย รวมถึงการเอาชนะการจู่โจมที่จำลองโดยกองกำลังติดอาวุธ และการรักษาชายแดนของประเทศที่ถูกละเมิด
ขณะเดียวกันอีกฝากหนึ่งไม่ไกลนาโต้เริ่มการซ้อมรบด้านนิวเคลียร์ การซ้อมรบด้านนิวเคลียร์ภายใต้รหัส “สตีดฟาสต์ นูน (Steadfast Noon) ระหว่างวันที่ ๑๗-๓๐ ต.ค.๒๕๖๕ ในภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือของยุโรป ห่างจากชายแดนรัสเซียประมาณ ๑,๐๐๐ ก.ม. โดยมีประเทศสมาชิกนาโต้ ๑๔ ประเทศจากทั้งหมด ๓๐ ประเทศเข้าร่วมการซ้อมรบดังกล่าว ซึ่งประกอบด้วยเครื่องบินรบ ๖๐ เครื่อง รวมถึงเครื่องบินขับไล่ที่สามารถติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ได้ เครื่องบินเติมน้ำมันกลางอากาศ และเครื่องบิน ทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์แบบ บี-๕๒(B-52) ของสหรัฐฯ หลายลำเข้าร่วม การซ้อมรบดังกล่าวซึ่งมีเบลเยียมเป็นเจ้าภาพครอบคลุมพื้นที่ทะเลเหนือ สหราชอาณาจักร อย่างไรก็ดี การซ้อมรบครั้งนี้จะไม่มีการใช้ระเบิดและกระสุนจริง