จากที่ฝ่ายรัสเซียได้เข้าโจมตียูเครนในหลายเมืองตามที่ปรากกฎเป็นข่าวสารเผยแพร่ไปทั่วโลก ขณะที่ฝ่ายสหรัฐและนาโต้ ก็ถูกทำลายอาวุธ รวมทั้งทหารรับจ้างที่ส่งเข้าไปช่วยยูเครนด้วย
ทั้งนี้ Blockdit World Update ได้ออกมาเปิดเผยถึงสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในยูเครน เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2565 โดยระบุจากแหล่งที่มาของข้อมูลไว้บางส่วนที่สำคัญว่า
“ปี 1999 แอลเบเนีย รับคำสั่งสหรัฐให้ลุยรุกรานเข้าไปในดินแดนยูโกสลาเวีย ทั้ง 2 ชาติจึงทำสงครามต่อกัน มีผู้เสียชีวิตราว 45 ราย เป็นความขัดแย้งที่จำกัดวง
สหรัฐ รีบประกาศว่า NATO ได้รับแจ้งจาก NGOs ว่ามีเหตุนองเลือดและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ จากการกระทำของยูโกสลาเวีย ซึ่งตามคำนิยามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไม่มีหลักสิบ จะต้องหลายพัน ถึงหลายหมื่น แต่ยกเว้นไม่รวมสงครามรัฐต่อรัฐ จึงขออนุญาตต่อคณะมนตรีความมั่นคง สหประชาชาติ (UN) ขอเกณฑ์ชาติสมาชิกนำกำลังทหารไปรุมยูโกสลาเวียชาติเดียวให้อยู่หมัด
จีน และรัสเซีย ที่เป็นคณะมนตรีฯ เห็นว่าเป็นเรื่องความขัดแย้งของ 2 ชาติควรเปิดเจรจากันโดยมี UN เป็นตัวกลาง ไม่ควรไปแทรกแซง เพราะผิดกฎบัตร UN ห้ามการใช้กำลังโจมตีด้วยอาวุธ เพราะ NATO มีภาระกิจรักษาสันติภาพ ไม่ใช่ก่อสงครามเสียเอง
สหรัฐ คิดว่าตนเองอำนาจเหนือ UN จึงบังคับชาติ NATO เปิดปฏิบัติการ Operation Allied Force ฝ่าฝืนมติ UN โดยอ้างว่ามีผู้เสียชีวิตแล้ว 45 ราย ต้องก่อสงครามแทรกแซงรุมยูโกสลาเวีย เพื่อมนุษยธรรม จึงยกทัพไปทิ้งระเบิดใส่ยูโกสลาเวีย
สหรัฐ และ NATO ทิ้งระเบิดถล่มสำนักงานบริหารชั่วคราวแห่งสหประชาชาติในโคโซโวซึ่งเป็นภาระกิจ UN รักษาสันติภาพ ถล่มสถานทูตจีน เสียชีวิต 3 ราย ฐานขัดขวางคำสั่งสหรัฐใน UN ขณะนั้นจีนเป็นเพียงประเทศยากจน ไม่มีแสนยานุภาพทางทหารใดๆ จึงได้แต่ประท้วงใน UN เท่านั้น
สิ่งที่ชาวยุโรปต้องกลัวภัยคุกคามคือจากสหรัฐ ไม่ใช่รัสเซีย เพราะทุกวันนี้สหรัฐ ก็บังคับยุโรปซื้ออาวุธจากตน 2% ของ GDP ในส่วนความขัดแย้งของรัสเซีย – ยูเครน เป็นชาติชายแดนติดกัน จึงคล้ายกรณีแอลบาเนีย ที่สหรัฐ ยุยงสนับสนุนอาวุธและเงินยูเครน ให้ทำสงครามตัวแทน NATO กับรัสเซีย
นายเยนส์ สต็อลเตินบาร์ก ชาวนอร์เวย์ เลขาธิการกลุ่มสงคราม NATO ระบุว่า ความพ่ายแพ้ของยูเครน ก็คือความพ่ายแพ้ของ NATO เราแพ้ไม่ได้ ต้องยึดครองดินแดนใหม่ของรัสเซียให้มากที่สุดก่อนถึงฤดูหนาว
อาวุธอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ NATO จะหยุดทำงานแม้แต่จรวดประทับบ่าส่วนบุคคล MANPAD สำหรับโจมตีอากาศยาน และรถถัง ก็จะกลายเป็นดุ้นฟืน เพราะไม่ได้ออกแบบมาสำหรับอุณหภูมิติดลบขนาดนี้แบตเตอรี่จะเดี้ยงหมด
อาวุธอังกฤษ ฝรั่งเศส ที่เพิ่งส่งมาใหม่ พวกจรวด NASAM , โดรน , ปืนใหญ่ , เครื่องยิงจรวด , และลูกจรวด 100 ลูก ไม่ได้ช่วยเปลี่ยนเกมส์อะไรได้
ยิงจนหมดลูกก็ตั้งแท่นยิงเป็นอนุสาวรีย์ไว้ให้รัสเซีย ใช้โดรนกามิกาเซ่พุ่งชนทำลายทิ้ง และปืนใหญ่ SAESAR ฝรั่งเศสล็อตนี้จำนวน 6 กระบอก ก็เป็นล็อตกระบอกแตกมีตำหนิ ที่ส่งไปขายประเทศยุโรปด้วยกันแล้วถูกตีคืนกลับ เพราะยิงไปสักพักกระบอกร้อนก็แตกแล้ว ก็เลยเอามาโล๊ะสต็อคขายเงินกู้แพงๆให้ยูเครน”