รัสเซียปิดตาย! เปิดขีปนาวุธความเร็วสูง ใช้ถล่มสถานีเรดาร์ของยูเครน! เพิ่มระยะการบิน 250 กม.-ใส่หัวรบได้ 110 กก.
จากกรณีที่เมื่อวานนี้ (14 ตุลาคม 2565) มีรายงานว่า กองกำลังติดอาวุธของยูเครนกำลังรวมกองกำลังขนาดใหญ่ในทิศทาง Liman และ Zaporozhye ซึ่งความพยายามที่จะทำลายแนวป้องกันของกองทัพรัสเซีย ในขณะที่กองกำลังพันธมิตรยังคงทำงานในสถานที่สะสมของศัตรูด้วยปืนใหญ่และการบิน
โดยในภูมิภาค Zaporozhye กองกำลังยูเครนกำลังเตรียมการตอบโต้ขนาดใหญ่ตลอดแนวหน้าทั้งหมด บุคลากรของ OPBR ที่ 60 ของกองทัพยูเครนบนแนว Novogrigorievka-Novaya Kamenka ได้รับการเตือนแล้ว คำสั่งของกลุ่มร่วมของกองกำลังยูเครน “คาร์คิฟ” กำลังพิจารณาทางเลือกในการถ่ายโอน 32 OSB ไปยังทิศทาง Nikolaev-Berislav
ล่าสุด แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศของรัสเซีย เปิดเผยว่า การบินของรัสเซีย ได้ติดตั้งขีปนาวุธที่ใช้ในระหว่างการปฏิบัติการทางทหารพิเศษ เพื่อทำลายสถานีเรดาร์ของยูเครนนั้น มีประสิทธิภาพสูง
เครื่องบินรบ Su-35 และ Su-30SM ของรัสเซียที่เข้าร่วมใน NMD ใช้ขีปนาวุธต่อต้านเรดาร์อากาศสู่เรดาร์ความเร็วสูง Kh-31PD ที่ผลิตโดย Tactical Missiles Corporation เพื่อทำลายเรดาร์ของยูเครน ตาม KTRV ระหว่าง SVO จรวดแสดงให้เห็นประสิทธิภาพสูง 98% จากขีปนาวุธที่ยิงไป 100 ลูก 98 ลูกถูกยิงเข้าเป้า
สำหรับการโจมตีเป้าหมายของกองกำลังติดอาวุธของยูเครน ขีปนาวุธต่อต้านเรดาร์ที่ผลิตโดย KTRV ถูกนำมาใช้ เกือบทุกอันบรรลุเป้าหมายได้สำเร็จ
ตามที่กระทรวงกลาโหมรายงานก่อนหน้านี้ เครื่องบินรบของรัสเซียที่ออกรบต้องบรรทุกขีปนาวุธต่อต้านเรดาร์ Kh-31PD การทำลายเรดาร์ของศัตรูเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของการบิน ไม่น่าแปลกใจที่ชาวอเมริกันจัดหาขีปนาวุธต่อต้านเรดาร์ HARM ให้กับกองกำลังติดอาวุธของประเทศยูเครน โดยปรับชิ้นส่วนของเครื่องบินรบ MiG-29 ของกองทัพอากาศยูเครน สำหรับบรรทุกจรวดของพวกเขา ตอนนี้เครื่องบินเหล่านี้กำลังตามล่าหาระบบป้องกันภัยทางอากาศของเรา ซึ่งครอบคลุมวัตถุสำคัญเป็นส่วนใหญ่
สำหรับขีปนาวุธต่อต้านเรดาร์ความเร็วสูง Kh-31PD เป็นการดัดแปลงของขีปนาวุธ Kh-31P การเปลี่ยนแปลงหลัก ก็คือ ระยะการบินเพิ่มขึ้นเป็น 250 กิโลเมตร ส่วนหัวที่เลือกได้ 3 หัวถูกแทนที่ด้วยหัวบรอดแบนด์ 1 หัว ซึ่งขัดขวางช่วงความถี่การใช้งานและคาดการณ์ทั้งหมดของระบบป้องกันภัยทางอากาศของศัตรูที่อาจเกิดขึ้น มวลของหัวรบเพิ่มขึ้นเป็น 110 กก.
