สถานการณ์ล่าสุดของสงครามตัวแทนในยูเครน ตึงเครียดหนักขึ้นเรื่อยๆเมื่อรัสเซียเปิดฉากถล่มสั่งสอนเคียฟทั่วเมือง ด้วยขีปนาวุธร่อน โดนพลีชีพและรถถังเบาตัวเด่น การประสานกันทั้งทางบก ทางอากาศและทางเรือ ปิดหูปิดตาและทำลายเป้าหมายทางทหาร โครงสร้างพื่นฐานส่วนใหญ่ ทำให้เป็นอัมพาดชัดดาวน์เกือบทั้งประเทศ ล่าสุดนี้ปธน.ปูตินประกาศชัดว่า นี่ยังไม่ใช่การโจมตีครั้งใหญ่ และไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธหนักทำลายล้างสูงแต่อย่างใด หากยังมีพฤติกรรมก่อการาร้ายต่อดินแดนรัสเซียจะพิจารณาถล่มหนักอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังได้เตือนเมกา-นาโต้ว่า หากเกิดหายนะโลกเพราะนิวเคลียร์ ก็เป็นน้ำมือของพวกคุณเพราะรัสเซียคงไม่อยู่เฉยให้ใครทำฝ่ายเดียว
อาการช็อกของเมกา-นาโต้และเคียฟเก็บไว้ไม่อยู่ เร่งระดมกันเตรียมส่งขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานให้เคียฟตั้งเป้าใช้โปแลนด์เป็นทางผ่าน แต่ยังเกี่ยงกันไปมาเพราะต่างก็ถังแตก และNATO ได้ประกาศฝึกซ้อมรบนิวเคลียร์ โปรแกรมสตีดฟาสต์ นูน“Steadfast Noon” ในช่วง ๑๗-๓๐ ตุลาคมนี้ โดยจะมีเครื่องบินรบประมาณ ๖๐ ลำ รวมถึงเครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกลบี-๕๒ (B-52) ของสหรัฐฯ เข้าร่วมการฝึกในอาณาเขตประเทศเบลเยียม สหราชอาณาจักร และบริเวณทะเลเหนือ โดยไม่ใช้กระสุนและระเบิดจริง
โดยอ้างว่าเป็นกิจกรรมซ้อมรบตามปกติ และไม่ได้เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ใดๆ การซ้อมรบนิวเคลียร์ทำครั้งสุดท้ายปี ๒๐๑๔/๒๕๖๑ ครั้งรัสเซียรวมแคว้นไครเมียโดยการลงประชามติของประชาชนไครเมียเหมือนกับเหตุการณ์ตอนนี้รวม ๔ แคว้น แบบนี้เขาเรียกปากกล้าขาสั่น
ขณะเดียวกันทางรัสเซียก็เตรียมซ้อมรบนิวเคลียร์เช่นกัน โดยอ้างว่าซ้อมเป็นปกติทุกปี ครั้งนี้เตรียมงัดของออกมาโชว์แค่ระดับอาร์เอส-๒๔ ยาร์ส (RS-24 Yars) ขีปนาวุธข้ามทวีปส่วนรายละเอียดอื่นๆไม่เผยแพร่ พร้อมกับเร่งผลิตโดรนพลีชีพ UAV จำนวนมาก เพราะตระหนักในประสิทธิภาพการต่อสู้ในการถล่มเป้าหมายแม่นยำ และยากที่ศัตรูจะต่อกร เรียกว่ารัสเซียพึ่งตนเองเต็มพิกัด ผลิตเอง ใช้เอง รบเอง
วันที่ ๑๕ ต.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และสปุ๊ตนิกรายงานว่า ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า ไม่จำเป็นต้องมีการโจมตีด้วยขีปนาวุธขนาดใหญ่เพิ่มเติมกับเป้าหมายในยูเครน
ระหว่างการแถลงข่าวที่เมืองอัสตานา ประเทศคาซัคสถาน เขาอธิบายว่าขณะนี้กองทัพรัสเซียกำลังดำเนินการตามวัตถุประสงค์ มีเป้าหมายเพียง ๗ แห่ง จาก ๒๙ เป้าหมายที่กำหนดโดยกระทรวงกลาโหมของรัสเซียไม่ได้ถูกทิ้งระเบิดเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
เขากล่าวว่า“ไม่จำเป็นต้องมีการโจมตีครั้งใหญ่ อย่างน้อยก็ในตอนนี้”
เมื่อวันพุธ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของยูเครน เยอรมัน กาลัชเชนโก เปิดเผยว่าโรงงานผลิตพลังงานของประเทศประมาณ ๓๐% ได้รับความเสียหายจากการโจมตีของรัสเซีย ๒ วันติดต่อกัน
ปูตินกล่าวว่ามอสโกว์ไม่มีเจตนาที่จะทำลายยูเครนในฐานะประเทศ และสถานการณ์ปัจจุบันเป็นการตอบสนองต่อการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ในรูปแบบก่อกาาร้ายของเคียฟ เขาอธิบายว่าหากยูเครนไม่ปิดกั้นการจ่ายน้ำให้กับผู้คนเกือบสองล้านห้าแสนคนที่อาศัยอยู่ในไครเมีย กองกำลังของรัสเซียก็ไม่จำเป็นต้องเข้าประเทศเพื่อเปิดมันกลับขึ้นมา
ปูตินย้ำว่า“หากพวกเขาไม่ทำเช่นนี้ ก็ไม่มีการตอบโต้อื่นๆ อีก”ประธานาธิบดี กล่าวเสริมว่าการโจมตีสะพานไครเมียเมื่อเร็วๆ นี้ทำให้มอสโกต้อง“คิด ๑๐ ครั้ง”เกี่ยวกับสิ่งที่ยูเครนทำ ความสำคัญของประเทศรัสเซีย กับความเชื่อมโยงของแหลมไครเมียกับดินแดนยูเครน
เมื่อถูกถามว่าเสียใจหรือไม่ที่ตัดสินใจเปิดฉากโจมตียูเครน ปูตินเน้นย้ำว่า“ถ้าพูดอย่างสุภาพทุกสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ไม่เป็นที่พอใจ ” อย่างไรก็ตาม ผู้นำรัสเซียยืนกรานว่า“”การกระทำของมอสโกว์เป็นไปอย่างทันท่วงทีและถูกต้อง”
นอกจากนี้ผู้นำรัสเซียยังได้เตือนนาโต้ถึง “หายนะระดับโลก” และหวังว่าผู้นำตะวันตกจะมี “สติปัญญาเพียงพอ” ที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าทางทหารโดยตรงกับรัสเซีย ที่ต้องเตือนเพราะทั้งรัสเซียและนาโต้ต่างซ้อมรบนิวเคลียร์ในเวลาใกล้เคียงกัน มีโอกาสพลาดกระสุนตกใส่กัน ซึ่งรัสเซียซ้อมรบด้วยกระสุนจริงและพร้อมที่จะรบจริงเมื่อเกิดเหตุขึ้น
ขณะเดียวกัน อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย ดมิทรี เมดเวเดฟ ได้เน้นถึงความจำเป็นเร่งด่วนสำหรับการผลิต UAV จำนวนมากจากที่พวกเขาพิสูจน์ประสิทธิภาพในการต่อสู้ในสนามรบยูเครน
เมดเวเดฟเขียนในช่องเทเลกราฟเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า“เครื่องบินไร้คนขับได้พิสูจน์ประสิทธิภาพในความขัดแย้งสมัยใหม่ การใช้งานของพวกเขาในเขตปฏิบัติการทางทหารพิเศษมีความจำเป็นเร่งด่วน”
การใช้โดรนของรัสเซียและขีปนาวุธโจมตีเป้าหมายทั่วยูเครนในสัปดาห์ที่ผ่านมา กระตุ้นให้รัฐบาลเคียฟย้ำข้อเรียกร้องต่อสหรัฐและประเทศตะวันตกต้องจัดหาอาวุธต่อต้านอากาศยานให้กับกองทัพยูเครน พร้อมเงินสนับสนุนก้อนใหญ่อย่างเร็วที่สุด ต้องจับตาเมกา-ยุโรปจะตอบสนองได้แค่ไหน การต้องเผชิญหน้ากับสภาวะปั่นป่วนในประเทศอาจทำให้ลืมคิดไปว่า ยิ่งหนุนการสู้รบในยูเครนให้หนักหน่วงขึ้นเท่าใด โดยไม่หนุนการเจรจา โอกาสสงครามลามทั่วยุโรปก็เร็วขึ้นเท่านั้น!!
