การเมืองในมาเลเซียมีการเคลื่อนไหวอย่างน่าจับตา ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจและการแพร่ระบาดโควิด-๑๙ ยังไม่สงบลงอย่างที่ควรจะเป็น ล่าสุดเรียกเสียงฮือฮาในแวดวงการเมือง เมื่อดร.มหาเธร์ อดีต นรม.มาเลเซียประกาศจะลงสมัครชิงตำแหน่งสมาชิกรัฐสภามาเลเซียอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะจัดขึ้นในเดือน พ.ย.นี้ ภายหลังจากนายกรัฐมนตรี อิสมาอิล ซาบรี ยากบ ประกาศยุบสภาฯ เมื่อวันที่ ๑๐ ต.ค.ทีผ่านมา ซึ่งดร.มหาเธร์ ยังไม่กล่าวถึงการกลับมารับตำแหน่ง นรม.สมัยที่ ๓ แต่มีความห่วงกังวลเกี่ยวกับปัญหาด้านสุขภาพของ ดร.มหาเธร์ โดยเฉพาะโรคหัวใจ ซึ่ง ดร.มหาเธร์ ได้รับการผ่าตัด เมื่อเดือน ม.ค.ปีนี้ และมีอาการติดเชื้อโควิด-๑๙ เมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา อดีตเขาเป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว ๒ สมัย สมัยแรกระหว่างปี ๒๕๒๔-๒๕๔๖ และสมัยที่ ๒ เมื่อปี ๒๕๖๑
การกลับมาครั้งนี้ของดร.มหาเธร์ตั้งเป้าต่อต้านพรรคอัมโน พรรคที่ตนเองเคยปั้นมากับมืออย่างชัดเจน
วันที่ ๑๔ ต.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวเอบีซีนิวส์รายงานว่า ดร.มหาธีร์ โมฮัมหมัด อดีตผู้นำมาเลเซียวัย ๙๗ ปีกล่าวว่าเขาจะเข้าร่วมในการเลือกตั้งทั่วไปที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนหน้า
มหาธีร์กล่าว “เรายังไม่ได้ตัดสินใจว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีมีความเกี่ยวข้องก็ต่อเมื่อเราชนะได้เสียงข้างมาก”
แม้ว่าการกลับมาเป็นนายกฯไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงเขาจะเป็นผู้สมัครที่อายุมากที่สุดสำหรับตำแหน่งซึ่งมีวาระห้าปี
นายกรัฐมนตรี อิสมาอิล ซาบรี ยาคอบ (Ismail Sabri Yaakob) ยุบสภาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เนื่องจากการเลือกตั้งแบบสแน็ปช็อต โดยได้รับแรงกดดันจากพรรคองค์การมาเลย์แห่งชาติ ซึ่งหวังว่าจะได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ท่ามกลางความขัดแย้งกับพันธมิตรในพรรคร่วมรัฐบาล คณะกรรมการการเลือกตั้งจะประชุมกันในวันที่ ๒๐ ต.ค. เพื่อกำหนดวันลงคะแนนเสียง ซึ่งจะต้องจัดขึ้นภายใน ๖๐ วันหลังการยุบสภา
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลของนายอิสมาอิล ต้องเผชิญกับความไร้เสถียรภาพเนื่องจากความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของพรรคมลายูสามัคคีแห่งชาติ หรือพรรคอัมโน (UMNO) ทำให้ต้องจัดตั้งรัฐบาลผสม แต่ก็เกิดความบาดหมางขึ้นในหมู่พันธมิตรรัฐบาล จนมาเลเซียต้องเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีมาแล้วถึง ๓ คน ตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อปี ๒๕๖๑
อย่างไรก็ตาม พรรคอัมโนยังคงเชื่อมั่นว่า พรรคจะสามารถกลับมาคว้าชัยชนะครั้งใหญ่ได้อีกครั้งหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น จึงมีการกดดันให้นายอิสมาอิลประกาศยุบสภา เพื่อจัดการเลือกตั้งทั่วไปก่อนกำหนด ซึ่งหากรอให้รัฐบาลหมดวาระลง การเลือกตั้งจะมีขึ้นในเดือน ก.ย.ปีหน้า
ด้านมหาเธร์กล่าวว่าเขาจะปกป้องที่นั่งในรัฐสภาของเขาบนเกาะลังกาวี และเตือนด้วยว่าชัยชนะของพรรค UMNO ที่ครองอำนาจอาจทำให้เห็นอดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัก ที่ถูกคุมขังจากคดีคอรัปชั่นได้รับการอภัยโทษ
มหาเธร์ ซึ่งสะท้อนภาพความแตกแยกในหมู่พรรคร่วม ทั้งฝ่ายค้านและพันธมิตรของรัฐบาล ต่างได้ประณาม UMNO ว่าให้ความสนใจเป็นอันดับแรกในการเลือกตั้งเร่งด่วนทั้งๆเป็นช่วงฤดูมรสุมประจำปีในเดือนพฤศจิกายน ที่อาจเกิดน้ำท่วมใหญ่ได้ มหาเธร์ย้ำว่าพรรค UMNO ตั้งเป้าที่จะได้รับชัยชนะด้วยการให้สินบนและเงินแก่ประชาชน
เขากล่าวว่าวัตถุประสงค์หลักของพรรค UMNO คือการปลดปล่อยนาจิบซึ่งเริ่มต้องโทษจำคุก ๑๒ ปีในเดือนสิงหาคม หลังจากแพ้การอุทธรณ์ครั้งสุดท้ายในคดีทุจริตที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอื้อฉาว 1MDB นอกจากนี้ นาจิบยังต้องเผชิญกับการพิจารณาคดีอื่นๆ อีกหลายคดีที่เชื่อมโยงกับ 1MDB ซึ่งอาจส่งผลให้ต้องโทษจำคุกนานขึ้น หากพบว่ามีความผิด นอกจากนี้ประธานาธิบดีที่มาจากพรรค UMNO อาห์หมัด ซาฮิด ฮามิดี(Ahmad Zahid Hamidi) ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีในข้อหารับสินบนหลายสิบคดีที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดี 1MDB
ปี ๒๐๒๐ มหาเธร์ได้ก่อตั้งพรรคเปจวง (Pejuang) และเป็นพันธมิตรใหม่กับพรรคเล็ก ๆ หลายพรรค การกลับมาสู้กับพรรคUMNO ที่มีส.ส.อยู่ในมือมากและครองเสียงในสภาไม่ใช่เรื่องง่าย แม้จะชูเรื่องการปราบคอรัปชั่นก็ตาม!!