จากกรณีที่หน่วยความมั่นคงกลางของรัสเซีย (FSB) ได้ประกาศจับกุมผู้ต้องสงสัย 8 คน ที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนก่อวินาศกรรม “สะพานเคิร์ช” ที่เชื่อมคาบสมุทรไครเมียกับรัสเซียเมื่อไม่กี่วันก่อน ทั้งนี้ FSB ระบุว่า ผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับเป็นพลเมืองรัสเซีย 5 คน และพลเมือง “ยูเครนกับอาร์เมเนีย” อีก 3 คน พร้อมทั้งให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า วัตถุระเบิดถูกซุกซ่อนมาในม้วนฟิล์มพลาสติก จำนวน 22 ม้วน ซึ่งมีน้ำหนัก 22,700 กิโลกรัมนั้น
โดยรัสเซียได้ระดมยิงขีปนาวุธหลายลูกกลางกรุงเคียฟ เพื่อตอบโต้กลับการถูกถล่มสะพาน รวมทั้งยังเดินหน้าส่งอาวุธไปยังด่านหน้าหลายเขต ยกระดับการรบอย่างชอบธรรมเต็มรูปแบบมากขึ้น ท่ามกลางความโกลาหลในยูเครน ที่บางพื้นที่ขาดการสื่อสาร และขาดแคลนน้ำ ไฟฟ้า และอาวุธจำนวนมาก แม้ว่ายูเครนกำลังรออาวุธจากสหรัฐฯ แต่ยังไม่มีท่าทีว่าจะมาถึงในเร็ว ๆ นี้
ล่าสุดในเพจเฟซบุ๊ก World Update ได้รายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในยูเครน ระบุว่า ยูเครน ท้อจัง! สกัดมหาพายุฝนเหล็กไม่อยู่ ขออาวุธเพิ่มอีกหน่อย ชนะวิบวับแน่นอน ภายหลังผลสอบสวนของหน่วยงานความมั่นคงรัสเซีย ได้ชี้ชัดไปว่าเหตุผู้ก่อการร้ายใช้รถบรรทุกระเบิดสะพานไครเมีย ข้ามช่องแคบเคิร์ช ในอาณาเขตอำนาจอธิปไตยตามกฎหมายระหว่างประเทศของรัสเซีย ถูกวางแผนดำเนินการโดยหน่วยพิเศษยูเครน ร่วมกับชาติ NATO โดยใช้รถบรรทุกสินค้าห่อพลาสติกอาหาร 20 พาเลทภายในบรรจุระเบิดซุกซ่อน โดยมีลูกค้าผู้สั่งสินค้าเป็นชาวยูเครน ขนย้ายสินค้าบรรจุระเบิดจากท่าเรือบัลแกเรียชาติ NATO ไปยังท่าเรือจอร์เจีย ผ่านพิธีการศุลกากรจากนั้นขนถ่ายไปขึ้นรถบรรทุกคันแรก ข้ามชายแดนจอร์เจียสู่เขตรัสเซีย จากนั้นมาสลับสินค้าใส่รถบรรทุกคันที่สองผ่านด่านตรวจ X-ray สินค้าแต่เนื่องจากเป็นสินค้าอาหารจึงมีการหุ้มแผ่นฟรอย และพลาสติกหนา ทำให้แสกนผ่านไป
รถจึงขึ้นไปบนสะพานไครเมียได้ แล้วมีการจุดระเบิดสินค้าในรถทำให้สะพานเลนหนึ่งเสียหาย รถไฟขนน้ำมันอีกสะพานใกล้เคียงมีไฟลุกไหมเสียหายไป 4 แท๊งก์ มีพลเรือนรัสเซีย 3 รายเสียชีวิต อีก 3 รายยังสูญหาย นอกจากนี้ยังพบว่า NATO และยูเครนวางแผนที่จะยกระดับทำลายรัสเซียมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อรัสเซียทราบเช่นนี้ก็ไม่ปล่อยเอาไว้ ด้านกระทรวงกลาโหม รัสเซีย รับคำสั่งแล้วมอบหมายให้ พล.อ.เซอร์เก ซูโรวิคิน ผู้บัญชาการสูงสุดกองกำลังร่วมฉายา “นายพลอาร์มาเก็ดดอน” ดำเนินการตามอำนาจ
เขาเป็นคนแปลกพิเศษคิดนอกกรอบเสมอ ถ้าเป็นคนอื่นจะสั่งยิงขีปนาวุธครั้งละไม่กี่ลูกเพื่อสงวนอาวุธ ทำให้ฝ่ายตรงข้าม NATO มีโอกาศใช้ระบบต่อต้านอากาศยานสกัดได้บ้าง แต่ทฤษฏีนี้ใช้กับเขาไม่ได้สำหรับนายพลรายนี้ต้อง “ฝนเหล็กห่าใหญ่จากทุกทิศทาง” เท่านั้น
เฉพาะวันที่ 10 ต.ค.ช่วงเช้าเขาสั่งยิง 185 ชุดรวด ช่วงเย็นอีกไม่นับ และวันที่ 11 ต.ค.ก็ถูกปลุกตื่นมากินกาแฟด้วย
– ขีปนาวุธร่อน Kh-101 และอีกหลายชนิด จากเครื่องบินทิ้งระเบิด Tu-95 และ Tu-160 ต้นทางจากทะเลเคสเปี้ยนที่ไกลมากกว่า 2,000 กม. และจากทะเลดำ ผ่านน่านฟ้ามอลโดวา เพื่อข่มขวัญ ไปลงในยูเครนตะวันตก
การสั่งการโจมตีด้วยขีปนาวุธเน้นตอบโต้ไปยังโครงสร้างพื้นฐานทางทหาร , ด้านพลังงาน , ด้านการคมนาคมและสื่อสาร การสั่งการแบบนี้ยิงขีปนาวุธคราวละมาก ๆ พร้อมกันจากหลายทิศทางแบบนี้ แสดงถึงทักษะและประสบการณ์บัญชาการรบสูงยิ่ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเขาจึงเอาชนะกลุ่มก่อการร้าย ISIS ของชาติตะวันตกมากถึง 150,000 คน ในซีเรียได้ในเวลา 9 เดือน เพราะการรัวฝนเหล็กห่าใหญ่พร้อมกันแบบนี้ อย่าว่าแต่ยูเครนเลย ต่อให้ปล่อยไปใจกลางยุโรปชาติ NATO ก็สกัดได้ไม่หมดทุกลูกเพราะระบบต่อต้านอากาศสับสนมาก
ตลอดทั้งวันทั้งคืนที่ผ่านมา กองทัพรัสเซีย ขนย้ายอาวุธหนัก และกำลังเสริมทัพทางรถยนต์จำนวนมากนับไม่ถ้วนเข้าสู่แนวชายแดนติดยูเครนด้านสาธารณรัฐลูฮันสก์ เพื่อเข้ารุมโจมตีเมืองลีมานน์ ที่ฝ่ายยูเครน และทหาร NATO เรือนหมื่นคนกำลังระส่ำระสาย จากการถูกตัดสัญญาณสื่อสารดาวเทียม ตัดไฟฟ้า ประปา ตัดเส้นทางขนส่งเสบียงและโลจิสติกส์อาวุธ ท่ามกลางสภาพพื้นดินทะเลโคลนเหนียวหนืดดั่งกาวและอากาศหนาว