หลังจากที่สำงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ออกมาเปิดเผยระบุว่า การโจมตียูเครนด้วยขีปนาวุธของรัสเซียต่อวัตถุต่าง ๆ ของพลเรือน รวมถึงโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ โรงไฟฟ้า อาจถือเป็นการก่ออาชญากรรมสงคราม
อีกทั้งผู้นำประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ชาติ หรือจี 7 ที่จัดประชุมทางไกลเป็นการฉุกเฉินหลังรัสเซียยิงขีปนาวุธโจมตีหลายเมืองของยูเครนเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ระบุว่า การโจมตีตามอำเภอใจต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์ถือเป็นอาชญากรรมสงคราม พร้อมย้ำจุดยืนของจี7 ที่มุ่งมั่นให้การสนับสนุนยูเครนเพื่อรักษาอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของตน โดยยูเครนยังยืนยันว่าพร้อมจะสู้ทัพรัสเซียต่อ ซึ่งจะเพิ่มกำลังกองทัพ และอาวุธที่พร้อมมือ ตอบโต้กลับไปยังรัสเซีย แต่หลังจากการที่เคียฟถูกถล่ม ยูเครนได้พยายามฟื้นฟูถนน ตึกที่ทำการราชการต่าง ๆ ให้กลับมาพอใช้งานต่อได้ แม้จะเหลืองบในการฟื้นฟูประเทศไม่มากก็ตาม
ขณะที่ในเพจเฟซบุ๊ก Around the war world รอบโลกสงคราม ได้รายงานเพิ่มเติมว่า ความก้าวหน้าของกองทัพยูเครนในทิศทางเคอร์ซอน ถูกหยุดสถานการณ์ในแนวหน้าของเคอร์ซอนกับความพยายามที่จะเคลื่อนทัพของเคียฟถูกขัดขวาง
รองหัวหน้าฝ่ายบริหารภูมิภาคในรัสเซีย ให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า “ทางเหนือของเคอร์ซอน มีความก้าวหน้าบางอย่างของพวกลิทธิหนึ่งในยูเครน แต่เราต้องไม่ลืมว่าไม่ใช่พวกลิทธิในยูเครนที่ต่อสู้กับเรา ยังมีนาโต้ที่นำระบบดาวเทียม และอาวุธร้ายแรง ซึ่งใช้กันอย่างเต็มที่ในอาณาเขตของเคอร์ซอน
ตามรายงานของกลาโหมรัสเซีย กองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติ และกองกำลังอวกาศสามารถหยุดยั้งการรุกของกองทัพยูเครนได้ สเตรมูซอฟยังตั้งข้อสังเกตอีกว่ากองทัพยูเครนประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ โดยจำนวนทหารยูเครนที่เสียชีวิตมีจำนวนหลายร้อยนาย
อย่างไรก็ตาม การรบครั้งนี้ น่าจับตามองการเดินเกมต่อไปของรัสเซียอีกว่า จะตอบโต้ที่จุดใดในยูเครนอีก เพราะบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐบาลเครมลินและผู้เชี่ยวชาญที่สนับสนุนรัฐบาลรัสเซีย ต่างออกมาสรรเสริญการที่มอสโกยิงขีปนาวุธถล่มเมืองต่าง ๆ ของยูเครนกันถ้วนหน้า นอกจากนี้กลุ่มคนเหล่านี้ยังให้ความเห็นว่า มอสโกควรเดินหน้ายกระดับการโจมตีอย่างที่ทำ เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ที่ผ่านมา เพื่อให้ได้ชัยชนะเบ็ดเสร็จจากสงครามครั้งนี้ที่ดำเนินมาเกือบ 8 เดือนแล้ว
ขอบคุณเฟซบุ๊ก Around the war world รอบโลกสงคราม