จากกรณีที่ไบเดนออกมาเปิดเผยรับปากยูเครน ว่าจะส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศไปให้ หลังเซเลนสกีต่อสาย กระตุ้นให้เหล่าผู้นำตะวันตกเร่งส่งอาวุธหนักให้ โดยเซเลนสกีอธิบายว่าการโจมตีของรัสเซีย เป็นสัญญาณของความอ่อนแอของกองทัพรัสเซีย และการป้องกันทางอากาศเป็นความสำคัญอันดับหนึ่งในความร่วมมือด้านการป้องกันของยูเครนในขณะนี้
ส่วนทางทำเนียบขาวก็เปิดเผยว่า ไบเดนก็ได้ทำการประณามรัสเซียกับการโจมตีทั่วยูเครน รวมทั้งในเคียฟด้วย และแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียครั้งนี้ พร้อมรับปากกับเซเลนสกีว่า จะให้การสนับสนุนยูเครนต่อไปในการปกป้องประเทศ ซึ่งรวมถึงการส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศขั้นสูงให้ด้วย
ล่าสุดมีรายงานสถานการณ์กลางสมรภูมิรบ โดยเรดาร์ตรวจจับตำแหน่งปืนใหญ่ AN/MPQ-49 Forward Area Alerting Radar (FAAR) ของอเมริกาถูกทำลายใกล้กับหมู่บ้าน Velikoye Artakovo ในภูมิภาค Nikolaev ซึ่งตั้งประจำการอยู่ใกล้กองทัพยูเครน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ารัสเซียพร้อมพุ่งชนจัดการกับอาวุธของสหรัฐฯในทุกมิติ ดังนั้นจึงน่าจับตามองว่า หากสหรัฐฯยังส่งอาวุธมาเพิ่มอีก ก็อาจจะโดนรัสเซียจัดการจนเรียบ ไม่เหลือถึงมือยูเครน นั่นก็เท่ากับว่าจะเป็นการส่งอาวุธมาสูญเปล่า ยิ่งทำให้สหรัฐฯต้องอัดฉีดงบเพิ่ม แบบไม่จำกัดเพดานไปเรื่อย ๆ เพราะไม่รู้ว่าสงครามจะสิ้นสุดเมื่อใด
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ เดวิด เพเทรอัส อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐอเมริกา (CIA) ได้ออกมาเปิดเผยว่า สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรอาจเข้าทำลายกองกำลังและอาวุธยุทโธปกรณ์ของรัสเซียให้สิ้นซาก รวมถึงจะจมกองเรือทะเลดำให้หมด หากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ตัดสินใจใช้อาวุธนิวเคลียร์ในปฏิบัติการทางทหารในยูเครน พร้อมระบุว่า เขาไม่อาจคาดเดาท่าทีของรัสเซียได้เลย ว่าจะมาไม้ไหน เดวิดก็ยังทิ้งทายเตือนว่า สหรัฐฯอาจจะพบกับความลำบากอีกก็เป็นไปได้ เพราะรัสเซียนั้นคาดเดาไม่ได้ในเกมรบครั้งนี้
