หลังจากที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ออกมากล่าวยืนยันว่า เขาเป็นผู้สั่งการให้รัสเซียยิงขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตียูเครน โดยเป็นเป้าหมายทางทหาร พลังงาน และการสื่อสาร “หากยูเครนยังคงใช้ความพยายามทำการก่อการร้ายบนดินแดนของเรา รัสเซียก็จะทำการตอบโต้อย่างรุนแรง และในสัดส่วนเดียวกับระดับภัยคุกคามที่เกิดขึ้นต่อสหพันธรัฐรัสเซีย ไม่ควรมีผู้ใดกังขาในเรื่องนี้”
การโจมตีกรุงเคียฟภายในระยะเวลาวันเดียว ทำให้ผู้นำยูเครนเกิดความระส่ำระส่าย ว่าจะรับมือกับเหตุการณ์นี้ต่อไปอย่างไร จึงได้เรียกร้องขออาวุธและกำลังพลเพิ่มอีกครั้ง ขณะที่ได้มีการเผยแพร่ภาพ เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2565 ที่ผ่านมา เผยให้เห็นบรรยากาศกลางดึกในกรุงเคียฟ ที่ต้องพบกับความมืดมน เพราะรัสเซียได้ยิงถล่มใกล้จุดสถานีไฟฟ้า พร้อมทั้งมีรายงานว่า การที่สถานีไฟฟ้าของยูเครนพังเสียหาย ส่งผลกระทบไปถึงชาติตะวันบางส่วนด้วย
ล่าสุดสื่อของเอเอฟพีได้รายงานว่า เมื่อวันอังคารที่ 11 ตุลาคม 2565 มักซิม โคซิตสกี ผู้ว่าการภูมิภาคลวิฟ รายงานความเสียหายล่าสุดที่เกิดในภูมิภาคนี้ โดยระบุว่ามีการระเบิด 3 ครั้งที่โรงงานพลังงานสองแห่งในภูมิภาค
อันเดรย์ ซาดอฟยี นายกเทศมนตรีลวิฟ กล่าวยืนยันเช่นกันว่า เมืองหลักของภูมิภาคนี้ได้รับการโจมตีจริง และขณะนี้พื้นที่กว่า 1 ใน 3 ของเมือง ไม่มีทั้งไฟฟ้าและน้ำประปาใช้แล้ว เพราะศูนย์กลางพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานถูกโจมตีเสียหาย ไม่เพียงแค่ภูมิภาคลวิฟ มีรายงานว่าพื้นที่อีก 300 เขตทั่วยูเครน ขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าและน้ำประปาเช่นกัน
รัสเซียโจมตียูเครนอย่างหนักทั่วประเทศเมื่อวันจันทร์เพื่อตอบโต้เหตุระเบิดบนสะพานเคิร์ชเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนทางด้านยูเครน ระบุว่า กองกำลังรัสเซียได้ยิงขีปนาวุธมากกว่า 80 ลูกใส่เมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศ รวมถึงกรุงเคียฟ ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับแหล่งพลังงาน, โครงสร้างพื้นฐาน และที่อยู่อาศัยของพลเรือน แต่ก็มีหลักฐานโต้กลับเช่นกันจากฝั่งรัสเซียว่า พวกเขาไม่ได้ยิงใส่ตึกของประชาชน เพราะเป้าหมายครั้งนี้ชัดเจนว่า รัสเซียต้องการยกระดับสงคราม และเน้นทำลายกองทัพนยูเครน ตัดขาดการสื่อสารเป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้เป้าหมายในยูเครนตะวันตก โดนทำลายในรอบนี้ด้วยเช่นกัน