ส่อสันดานอันธพาล!! สหรัฐจ่อลงโทษซาอุฯเอมิเรตส์ฐานเข้าข้างรัสเซีย กลุ่มอ่าวฯเมินเทดอลลาร์สวนยับ

0

ส.ส.สหรัฐฯ เสนอกฎหมายลงโทษซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ฐาน “เข้าข้างรัสเซีย”ออกนอกหน้า ไม่ให้ความร่วมมือสหรัฐแม้ปธน.โจ ไบเดนเดินทางไปขอร้องถึงบ้าน หนำซ้ำยังขึ้นราคาน้ำมันดิบที่ขายสหรัฐอีก

วันที่ ๑๐ ต.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงานว่า สมาชิกรัฐสภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกา ๓ คนได้เสนอออกกฎหมายเพื่อถอนทหารและระบบป้องกันขีปนาวุธจากซาอุดิอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเรียกร้องมาตรการอื่นๆ เพื่อตอบโต้ต่อการตัดสินใจลดการผลิตน้ำมัน และให้การสนับสนุนรัสเซียออกนอกหน้า

OPEC+ กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน เห็นพ้องต้องกันในการประชุมเมื่อวันพุธสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าจะลดกำลังการผลิตลง ๒ ล้านบาร์เรลต่อวัน คิดเป็น ๒% ของอุปทานทั่วโลก

การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ชาติตะวันตกยังคงพยายามควบคุมการค้าน้ำมันของรัสเซีย ขับออกจากตลาดอียูไม่พอ ยังบังคับกำหนดเพดานราคาน้ำมันห้ามขายเกินราคาที่สหรัฐและตะวันตกกำหนด เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการคว่ำบาตรต่อรัสเซียในความขัดแย้งกับยูเครน ในขณะเดียวกัน ทั้งสหรัฐและยุโรปต่างก็ต้องต่อสู้กับราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นที่บ้านของตัวเอง และยังหาทางออกไม่ได้จึงต้องเทน้ำมันสำรองออกมาอย่างมาก ทำให้ความมั่นคงพลังงานสั่นคลอนสุ่มเสี่ยงขาดแคลนระยะต่อไป

สมาชิกสภานิติบัญญัติ พรรคเดโมแครต ชอน แคสเทน (Sean Casten), ทอม มาลิโนว์สกี้(Tom Malinowski) และ ซูซาน ไวล์ด (Susan Wild) กล่าวในแถลงการณ์ร่วมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า

“ซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ลดการผลิตน้ำมันลงอย่างมาก แม้ว่าประธานาธิบดีไบเดนจะทาบทามทั้งสองประเทศในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาขอให้ร่วมมือกับสหรัฐฯ แต่พวกเขากลับการกระทำที่ไม่เป็นมิตรต่อสหรัฐฯ และเป็นสัญญาณชัดเจนว่าพวกเขาเลือกข้างรัสเซียในการทำสงครามกับยูเครน”

ทั้งสองประเทศพึ่งพาการมีอยู่ของทหารอเมริกันในอ่าวเปอร์เซียมาเป็นเวลานานเพื่อปกป้องความมั่นคงและแหล่งน้ำมันของพวกเขา เราไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมทหารและผู้รับเหมาของอเมริกาจึงควรให้บริการนี้แก่ประเทศต่างๆ ที่ต่อต้านเราอย่างจริงจัง หากซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ต้องการช่วยปูติน พวกเขาควรมุงไปหาปูตินเพื่อเป็นการป้องกัน

WASHINGTON, DC –  Representative Tom Malinowski, (D-NJ)

“ดูเหมือนว่าจะออกแบบมาเพื่อเพิ่มรายได้จากการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย” พวกเขาเรียกร้องให้รัฐอ่าวอาหรับแสดง”ความเต็มใจมากขึ้น”ที่จะทำงานร่วมกับสหรัฐฯ เพื่อ”เอาชนะปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียในยูเครน”หากพวกเขาต้องการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับวอชิงตัน

ตามรายงานของทำเนียบขาว ประธานาธิบดีโจ ไบเดนให้สัมภาษณ์ว่า”ผิดหวังกับการตัดสินใจที่มองการณ์ไกล”ของโอเปกพลัส

องค์กรนี้รวบรวมประเทศที่ร่ำรวยน้ำมันส่วนใหญ่ของโลก รวมทั้งรัฐอาหรับในตะวันออกกลาง อิหร่าน รัสเซีย ไนจีเรีย เวเนซุเอลา และอาฟริกา เอเชีย

Saudi Crown Prince Mohammed bin Salman fist bumps U.S. President Joe Biden upon his arrival at Al Salman Palace, in Jeddah, Saudi Arabia, July 15, 2022. Bandar Algaloud/Courtesy of Saudi Royal Court

เจ้าชายอับดุลอาซิซ บิน ซัลมาน รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานซาอุดีอาระเบีย ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ทำให้ราคาน้ำมันเป็นอาวุธ ท่ามกลางวิกฤตด้านพลังงาน เพราะการตัดสินใจคว่ำบาตรของสหรัฐต่อรัสเซียเป็นการทำลายอุตสาหกรรมน้ำมันทั้งระบบ

ด้านสมาชิกสภานิติบัญญัติของสหรัฐฯ ขอให้ถอนทหารออกจากประเทศทั้งสองซึ่งเรื่องนี้ ก็มีรายงานว่า รัสเซียยื่นมือเข้ามาโอบอุ้มในทันที ซาอุดิอาระเบียไม่จำเป็นต้องกังวล  ปัจจุบันมีทหารสหรัฐประมาณ ๓,๐๐๐ นายประจำการอยู่ในซาอุดิอาระเบีย และ ๒,๐๐๐ นายในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมถึงเครื่องบินขับไล่ เอฟ-๓๕ และ”ระบบอาวุธอื่นๆ” ที่ดำเนินการโดยบุคลากรชาวอเมริกัน ริยาดและอาบูดาบีเป็นหนึ่งในพันธมิตรหลักของวอชิงตันในตะวันออกกลางมาโดยตลอด 

ก่อนหน้านี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เพิ่งอนุมัติการขายเครื่องสกัดกั้นขีปนาวุธพิสัยสูงของท้าดด์ (THAAD) ที่มีศักยภาพให้กับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ MIM-104 Patriot ให้กับซาอุดิอาระเบียในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

การขู่ว่าจะถอนทหาร ดูเหมือนว่ากลุ่มอ่าวอาหรับจะไม่สะทกสะท้าน กลุ่มอ่าวฯยังคงขายน้ำมันให้ประเทศต่างๆโดยให้ชำระสินค้าด้วยเงินหยวน รูเบิล และเงินสกุลท้องถิ่นของลูกค้า เท่ากับเทเปโตรดอลลาร์อย่างชัดเจน นอกจากนี้ Saudi Aramco ที่ควบคุมโดยรัฐได้ขึ้นราคาขายน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ สำหรับน้ำมันดิบที่ส่งไปยังสหรัฐฯ ขณะที่รักษาราคาสำหรับเอเชียซึ่งเป็นตลาดหลัก โดยส่วนใหญ่ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนตุลาคม รวมทั้งอัตราราคาขายสำหรับยุโรปตะวันตกเฉียงเหนือและภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนก็ลดลงให้ด้วย คือขึ้นราคาสำหรับสหรัฐที่เดียว เจ็บจี๊ดกันไป???

ราคาน้ำมันดิบโลกปรับตัวลดลงตั้งแต่เดือนมิถุนายน หลังจากพุ่งสูงขึ้นภายหลังการคว่ำบาตรที่บังคับใช้กับรัสเซียที่เปิดปฏิบัติการพิเศษทางทหารกับยูเครน ราคาน้ำมันดิบปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ ๙๐ ดอลลาร์ต่อบาร์เรลยังคงเพิ่มขึ้นเกือบ ๒๐% ในปีนี้ ส่งผลให้เงินเฟ้อทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง!!